ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หน้าที่ 126
อีก จะไม่ตามรอยมันเที่ยวคั้นดง (ไปจับ) แต่เขาถือเชือกและปฏิก
ตรงไปท่าที่มันลง (น้ำ) ทีเดียว นั่งหรือนอน (คอย) อยู่ ทีนี้เขา
เห็นโคเหล่านั้นที่มันเที่ยว (หากิน) ตอนกลางวันแล้วลงสู่ท่าน้ำ แช่
และดื่มน้ำแล้วขึ้นมายืนอยู่ จึงผูกด้วยเชือก ทีมด้วยปฏิก จูงมาเทียม
(ไถ) ทำงานอีก ฉันใด ภิกษุนั้นก็ไม่พึงแสวงหาลมอัสสาสะปัสสาสะ
นั้นในที่อื่น จากที่ ๆ ลมกระทบตามปกติ แต่พึ่งถือเชือกคือสติ และ
ปฏิกคือปัญญา ตั้งจิตไว้ ณ ที่ ๆ ลมกระทบตามปกติ ลมนั้นจะ
ปรากฏไม่นานเลย ดุจโคทั้งหลายปรากฏตัวที่ท่าลงน้ำฉะนั้น แต่นั้น
เธอพึงผูกไว้ด้วยเชือกคือสติ เทียมไว้ที่ตรงนั้นแหละ แทงด้วยปฏิก
คือปัญญา ประกอบกรรมฐานไว้ไปเถิด เมื่อเธอประกอบไปอย่างนั้น
ไม่ช้านิมิต ก็จะปรากฏ
ๆ
[นิมิตปรากฏต่าง ๆ กัน]
ก็แล อาจารย์ลางเหล่ากล่าวว่า นิมิตนี้นั้นหาเป็นเช่นเดียวกันแก่
พระโยคาวจรทั้งปวงไม่ แต่ว่ามันปรากฏแก่ลางท่านเป็นเหมือนปุยนุ่น
ก็มี เหมือนปุยฝ้ายก็มี เหมือนสายลมก็มี ที่ยังสุขสัมผัสให้เกิด
ส่วนความ (ต่อไป) นี้ เป็นวินิจฉัยในอรรถกถาทั้งหลาย
ก็นิมิตนี้ สำหรับลางท่าน ปรากฏเป็นเหมือนดวงดาว เหมือน
เม็ดมณี และเหมือนเม็ดไข่มุกก็มี ลางท่าน ปรากฏเป็นสิ่งมีสัมผัส
๑. โคเมืองไทย ดูเหมือนไม่ใคร่ชอบแช่น้ำ
๒. มหาฎีกาว่า นิมิต นี้ คือ อุคคหนิมิต หรือปฏิภาคนิมิต