ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หน้าที่ 223
บาปอกุศลที่เกิดขึ้นแล้วไม่ยึดจิตตั้งอยู่ เมื่อนั้นเธอพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
"เมตตาเจโตวิมุติ จักเป็นภาวนาอันเราเจริญ ทำให้มาก ทำให้เป็น
ดุจยาน ทำให้เป็นดุจของใช้ ก่อตั้งสั่งสมทำให้สำเร็จอย่างดี" ดูกร
ภิกษุ เธอพึงสำเหนียกอย่างนี้แล" ดังนี้แล้วจึงตรัส (ต่อไป) อีกว่า
"ดูกรภิกษุ เมื่อใดแล (มูล) สมาธินี้ เป็นธรรมอันเธอเจริญทำให้
มากอย่างนี้แล้ว เมื่อนั้นเธอพึงเจริญสมาธินี้ อันมีทั้งวิตก มีทั้งวิจาร
บ้าง ฯลฯ พึงเจริญสมาธินี้ อันประกอบไปด้วยอุเบกขาบ้าง"
เนื้อความแห่งพระโอวาทนั้นว่า "ดูกรภิกษุ เมื่อใด มูลสมาธิ
นี้เป็นธรรมอันเธอเจริญโดยทางเมตตาอย่างนั้นแล้ว เมื่อนั้นเธออย่า
เพิ่งพอใจด้วยสมาธิแต่เพียงนั้น เมื่อจะยังมูลสมาธินี้ให้ลุถึงจตุกฌาน
หรือปัญจกฌานในอารมณ์อื่น ๆ (ต่อไป) พึงเจริญ (สมาธินี้) โดย
นัยว่า "สวิตกฺกมฺปิ สวิจาร์ - สมาธิมีทั้งวิตก มีทั้งวิจารบ้าง" เป็นต้น
อนึ่ง ครั้นตรัสอย่างนี้แล้ว จะทรงแสดงความว่า "ภิกษุพึงทำการเจริญ
สมาธิ แม้ที่มีพรหมวิหารที่เหลือมีกรุณาเป็นต้นเป็นตัวนำ โดย
(ให้ถึง) จตุกฌานหรือปัญจกฌานในอารมณ์อื่น ๆ ด้วย" จึงตรัสแก่
ภิกษุนั้น (ต่อไป) อีกว่า "ดูกรภิกษุ เมื่อใดแล สมาธินี้เป็นธรรม
อันเธอเจริญทำให้มากอย่างนี้แล้ว เมื่อนั้น เธอพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
กรุณาเจโตวิมุติ จักเป็นภาวนาอันเราเจริญทำให้มาก----" ดังนี้เป็นต้น
ครั้นทรงแสดงการเจริญจตุกฌานหรือปัญจกฌาน อันมีพรหมวิหาร ๔
มีเมตตาเป็นตัวนำอย่างนี้แล้ว จะทรงแสดงสมาธิอันมีอนุปัสนา ๔ มี
* มหาฎีกาว่า อารมณ์อื่น ๆ มีปฐวีกสิณเป็นต้น