ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หน้าที่ 137
ปยุตธรรม ในขณะที่เข้าฌานอยู่นั้น (อย่างนี้เรียกว่า บันเทิงด้วย
อำนาจสมาธิ) ถามว่า บันเทิงด้วยอำนาจวิปัสนาอย่างไร ? แก้ว่า
ภิกษุ ครั้นเข้าฌาน ๒ ที่มีปีติ (เป็นองค์) ออกแล้วพิจารณาปีติอัน
สัมปยุตกับฌาน โดยความสิ้นไปเสื่อมไป เธอทำปีติอันสัมปยุตกับฌาน
ให้เป็นอารมณ์ ยังจิตให้บันเทิง ให้ปลื้มอยู่ในขณะที่เห็นด้วยวิปัสนา
อยู่ (นั้น) อย่างนี้
ผู้ปฏิบัติดังนี้เรียกว่า "สำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้ยังจิตใช้บันเทิง
ยิ่ง หายใจออกหายใจเข้า"
ข้อว่า สมาทห์ จิตต์ นั้น ความว่า ดำรงจิตให้เสมอ คือตั้ง
จิตให้เสมอในอารมณ์ ด้วยอำนาจฌาน มีปฐมฌานเป็นอาทิ หรือ
อนึ่ง เมื่อภิกษุเข้าฌานเหล่านั้นออกแล้วพิจารณาจิตอันสัมปยุตกับฌาน
โดยความสิ้นไปเสื่อมไปอยู่ ขณิกจิตเตกัคคตา (ความมีอารมณ์เดียว
แห่งจิตอันตั้งอยู่ชั่วขณะหนึ่ง) เกิดขึ้นเพราะความรู้แจ้ง (ไตร) ลักษณะ
ในขณะแห่งวิปัสนา ภิกษุดำรงจิตให้เสมอ คือตั้งจิตให้เสมอใน
อารมณ์แม้ด้วยอำนาจขณิกจิตเตกัคคตาอันเกิดขึ้นอย่างนั้นก็ดี เรียกว่า
"สำเหนียกว่า 'เราจักตั้งจิตมั่นหายใจออกหายใจเข้า"
ข้อว่า วิโมจย์ จิตต์ นั้น ความว่า ภิกษุเปลื้องปลดจิตจาก
นีวรณ์ทั้งหลายด้วยปฐมฌาน เปลื้องปลดจิตจากวิตกวิจารด้วยทุติยฌาน
เปลื้องปลดจิตจากปีติด้วยตติยฌาน เปลื้องปลดจิตจากสุขทุกข์ด้วย
จตุตถฌาน หรืออนึ่ง ภิกษุเข้าฌานเหล่านั้นออกแล้วพิจารณาจิตที่
* หมายความว่า ตั้งแน่วเป็นอัปปนา ไม่หดหูไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ยุบไม่ฟู