ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หน้าที่ 249
ส่วนนัยแห่งอัปปนาแม้ในอากิญจัญญายตนะนี้ บัณฑิตก็พึงทราบ
ตามนัยที่กล่าวแล้ว (ในอากาสานัญจายตนะ) เถิด แต่นี่เป็นความ
แปลกกัน คือ เมื่ออัปปนาจิตนั้นเกิดขึ้นแล้ว (โยคาวจร) ภิกษุนั้น
เห็นความรู้สึกที่เป็นไปอยู่ในอากาศด้วยนัยน์ตาวิญญาณัญจายตนฌานอยู่
ก่อนแล้ว ครั้นความรู้สึกนั้นมาหายไป เพราะมนสิการด้วยบริกรรมว่า
"ไม่มี ไม่มี" เป็นต้นเสียแล้ว ก็เห็นแต่ความไม่มี กล่าวคือความ
ปราศไปแห่งความรู้สึกนั้นอยู่เท่านั้นเอง” เปรียบเหมือนบุรุษ (ผู้ฟัง)
เห็นภิกษุสงฆ์ผู้ประชุมกันด้วยกรณียะลางอย่างอยู่ในสถานที่ประชุมมีโรง
กลม" เป็นต้นแล้วไปไหน ๆ เสีย ต่อเมื่อเสร็จกิจประชุม ภิกษุทั้งหลาย
ลุกเลิกไปแล้ว จึงมายืนที่ประตูมองดูสถานที่นั้นอีก ก็เห็นแต่ความ
เปล่าเท่านั้น เห็นแต่ความว่างเท่านั้น ความคิดทำนองนี้ย่อมไม่มีแก่
เขาว่า "ตายจริง ภิกษุ (มาก) ตั้งเท่านั้น มรณภาพ (หมด) หรือว่า
ต่างองค์ต่างไป (หมด)" โดยที่แท้เขาเห็นแต่ความไม่มี โดยอาการ
ว่า ที่นี่ว่างเปล่า เท่านั้น ฉะนั้น
ก็แล ด้วยภาวนานุกรมเพียงเท่านี้ พระโยคาวจรนั้น เรียกว่า
"ก้าวล่วงวิญญาณัญจายตนะโดยประการทั้งปวงแล้ว ทำในใจว่า 'นตฺถิ
กิญจิ - ไม่มีสักหน่อย" เข้าถึงอากิญจิญญายตนะอยู่"
๑. หมายความว่า เห็นเหมือนกัน แต่ไม่ใช่เห็นสิ่งอันใด เห็นแต่ความไม่มี (?)
๒. มณฑลมาล หนังสือเก่าเป็น มณฑปสาลา ก็มี