ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ -
[อานาปานสติเป็นกายานุปัสนาสติปัฏฐาน]
- หน้าที่ 99
ในการหายใจออกและเข้ายาวสั้นนั้น ภิกษุ (โยคาวจร) นี้
เมื่อหายใจออกก็ดี หายใจเข้าก็ดียาว ย่อมรู้ว่าเราหายใจออกหายใจเข้า
ยาว ด้วยอาการ 8 และเมื่อเธอรู้อยู่อย่างนั้น พึงทราบว่าสติปัฏฐาน
ภาวนาส่วนกายานุปัสนา ย่อมสำเร็จโดยอาการอันหนึ่ง ดังท่านกล่าว
ไว้ในปฏิสัมภิทาว่า "ถามว่า ภิกษุโยคาวจรเมื่อหายใจออกยาวก็รู้ว่า
หายใจออกยาว เมื่อหายใจเข้ายาว ก็รู้ว่าเราหายใจเข้ายาว ด้วย
อาการอย่างไร" แก้ว่า "(๑) ภิกษุระบายลมออกเป็นลมหายใจออก
ยาว ในเพราะกาลที่นับว่าระยะยาว (๒) สูดลมเข้าเป็นลมหายใจ
เข้ายาว ในเพราะกาลที่นับว่าระยะยาว (๓) ทั้งระบายลมออก ทั้ง
สูดลมเข้า เป็นลมหายใจออกและลมหายใจเข้ายาว ในเพราะกาลที่นับ
ว่าระยะยาว"
เมื่อเธอทั้งระบายลมออกทั้งสูดลมเข้า เป็นลมหายใจออกและลม
หายใจเข้ายาว ในเพราะกาลที่นับว่าระยะยาวอยู่ ฉันทะเกิดขึ้น (๔)
ด้วยอำนาจฉันทะ เธอระบายลมออก เป็นลมหายใจออกยาว ใน
เพราะกาลที่นับว่าระยะยาว เป็นลมละเอียดกว่าก่อนนั้น (๕) ด้วย
๑. ตรงนี้ปาฐะตก ทีฆ์ ในระหว่าง อสฺสสนฺโต กับ อสฺสสามีติ
๒. มหาฎีกาว่า พระโยคาวจรลางรูปกำหนดลมหายใจออกได้ชัด ลางรูปก็กำหนดลมหายใจเข้า
ได้ชัด ลางรูปก็กำหนดได้ชัดทั้ง ๒ อย่าง ท่านจึงแจกเป็นอาการ ๓ และอาการนี้แล เมื่อฉันทะ
และปราโมชเกิด ก็แจกออกไปด้วยอำนาจฉันทะ ๓ ด้วยอำนาจปราโมช ๓ จึงเป็น ๔ ดังกล่าว
ต่อไปนั้น