ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หน้าที่ 108
เล่า ก็นับว่ายังหยาบ ต่อตอนที่กำหนดทั้งรูปทั้งอรูปจึงละเอียดเข้า แม้
กายสังขารในตอนที่กำหนดทั้งรูปทั้งอรูปนั้นก็นับว่ายังหยาบ ในตอนที่
กำหนดปัจจัย (ของนามรูป) จึงละเอียดเข้า การสังขารในตอนที่
กำหนดปัจจัยนั้นเล่าก็นับว่ายังหยาบ ต่อตอนที่เห็นนามรูปพร้อมทั้ง
ปัจจัยจึงละเอียดเข้า แม้กายสังขารในตอนที่เห็นนามรูปพร้อมทั้งปัจจัย
นั้นก็นับว่ายังหยาบ ถึงตอนที่เป็นวิปัสนา อันมี (ไตร) ลักษณ์เป็น
อารมณ์ จึงละเอียดเข้า" ในทุรพลวิปัสนา (วิปัสนากำลังอ่อน)
ก็นับว่ายังหยาบ ในพลววิปัสนา" (วิปัสนากำลังกล้า) จึงละเอียดเข้า
ในวิปัสนานั้น ความระงับแห่งกายสังขารอันเป็นไปในกาลตอน
แรก ๆ ด้วยกาลตอนหลัง ๆ (โดยลำดับ) บัณฑิตก็พึงทราบโดยนัย
ที่กล่าวมาก่อนนั้นเถิด"
ๆ
ความหยาบและละเอียดก็ดี ความระงับก็ดี (แห่งกายสังขาร)
ในข้อ ปสฺสมฺภย์ กายสงฺขาร์ อสฺสสิสฺสามิ ---- ปสฺสสิสฺสามิ นี้
บัณฑิตพึงทราบโดยประการดังกล่าวมาฉะนี้เข
ะนี้เทอญ
ด.
(อรรถาธิบายในปฏิสัมภิทามรรค]
ส่วนในปฏิสัมภิทา ท่านกล่าวความแห่งข้อนี้ พร้อมทั้งคำท้วง
ปาฐะในฉบับวิสุทธิมรรคพิมพ์ครั้งที่ ๓ ลงหัวตาปูคั่นประโยคไว้หลัง โอฬาริโก ทุกแห่งนั้น
คลาดเคลื่อนไป ที่ถูกควรลงคั่นหลัง สุขุโม เพราะประโยคความสุดลงที่ สุขุโม ทุกแห่ง
๒. มหาฎีกาว่า ตอนพิจารณากลาปเป็นลักขณารัมมณิกวิปัสนา ตั้งแต่นิพพิทานุปัสนาไป จัดเป็น
พลววิปัสนา หย่อนกว่านั้นเป็นทุรพลวิปัสนา
๓. คือให้ประกอบความเช่นเดียวกับที่กล่าวในสมถนัย เช่นว่ากายสังขารอันเป็นไปในตอนที่ยังมิได้
กำหนด มาระงับลงในตอนกำหนดมหาภูตรูป กายสังขารอันเป็นไปในตอนกำหนดหมาภูตรูป
มาระงับลงในตอนอุปาทารูป----ดังนี้เป็นต้น