ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หน้าที่ 259
(จะว่า) ไม่มี ก็มีอยู่ (จะว่า) มี ก็บอกไม่ได้ (คือไม่ชัด) ดังนี้
สมาบัตินี้ถึงซึ่งความละเอียด ด้วยประการฉะนี้
อนึ่ง ความข้อนี้ บัณฑิตจึงทำให้กระจ่าง ด้วยอุปมาด้วย
น้ำในทาง (เดิน) ฉันเดียวกันกับอุปมาด้วยน้ำมันทาบาตรก็ได้
สามเณรผู้เดินไปข้างหน้าพระเถระ (องค์หนึ่ง) ซึ่งเดินอยู่ในทาง
เห็นน้ำหน่อยหนึ่ง (ในทาง) จึงเรียนว่า "น้ำ ขอรับ โปรดถอด
รองเท้า" ทีนั้น ครั้นพระเถระบอกว่า "สามเณร ถ้านำมี ก็จงนำ
ผ้าอาบมา เราจักอาบน้ำ" จึงเรียนว่า "(น้ำ) ไม่มีดอก ขอรับ"
ในคำของสามเณรนั้น คำว่า "น้ำมี" ก็ใช่ โดยมุ่งถึง (มันมี)
พอเปียกรองเท้า คำว่า (น้ำ) ไม่มี" ก็ใช่ โดยมุ่งถึง (มันไม่มี
พอจะ) อาบฉันใด แม้สัญญานั้นก็ฉันนั้น จัดว่าเป็นสัญญาก็มิใช่
แท้ เพราะไม่สามารถทำสัญญากิจให้ชัดได้ นับว่าไม่เป็นสัญญาก็มิใช่
เพราะเป็นสิ่งที่มีอยู่โดยความเป็นเศษสังขารที่ละเอียด
และความข้อนี้จะควรทำให้กระจ่างเพียงด้วยอุปมา (๒ ข้อที่กล่าว
แล้ว) นี้เท่านั้นหามิได้ บัณฑิตจึงทำให้กระจ่าง แม้ด้วยอุปมาอื่น ๆ ที่สม
* ปาฐะในฉบับวิสุทธิมรรคท่อนนี้ ตั้งแต่ อปิจ อายสุมา สารีปุตโต ถึง โน อนุปท
ธมฺมปวิสฺสนาวเสน บทพยัญชนะไม่สมบูรณ์พอจะแปลให้ได้ความดี จึงตกเติมแปลไปดังนี้
เห็นว่าตามที่แปลนี้ ได้ความตรงตามที่ท่านประสงค์เป็นแน่ และไม่ผิดธัมมะด้วย
ตามที่แปลนี้ แยก อปิจ อายสฺมา สารีปุตโต เป็นประโยค ๑ ปกติวิปสฺสโก
สกุกุเณยย ประโยค ๑ ในประโยคนี้ ปูน เติม วา เป็น วา ปน
หุตวา ปฏิเวทนฺติ นี่ตก น. แน่ เพราะความบังคับอยู่ จึงเติม น. เข้าเป็น หุตวา น
ปฏิเวเทนฺติ (มีก็บอกไม่ได้) จึงได้ความ