ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หน้าที่ 133
เนื้อความแห่งจตุกกะ ๓ นั้น บัณฑิตพึงทราบแต่โดยนัยแห่งการ
พรรณนาอนุบท (บทย่อย ?) เถิด
[พรรณนาจตุกกะที่ ๒]
ข้อว่า ปีติปฏิสัเวที----นั้น ความว่า ภิกษุสำเหนียกว่า 'เรา
จักทำปีติให้เป็นสิ่งที่ตนรู้ชัด คือทำให้ปรากฏ หายใจออกหายใจเข้า
ในข้อนั้นมีอรรถาธิบายว่า ปีติเป็นสิ่งที่ภิกษุรู้ชัดโดยอาการ ๒ คือ
โดยอารมณ์ ๒ โดยอสัมโมหะ ๑ ถามว่า ปีติเป็นสิ่งที่ภิกษุรู้ชัด
โดยอารมณ์อย่างไร ? ตอบว่า ภิกษุเข้าฌาน ๒ ที่มีปีติ (เป็นองค์)
เพราะได้ฌาน (๒ นั้น) ปีติก็เป็นอันภิกษุนั้นรู้ชัดได้โดยอารมณ์
เพราะอารมณ์ (ของฌานนั้น) เป็นสิ่งที่เธอรู้ประจักษ์อยู่ในขณะที่
เธอเข้า (ฌาน) อยู่" (นั้น)
ถามว่า ปีติเป็นสิ่งที่ภิกษุรู้ชัดโดยสัมโมหะอย่างไร ? ตอบว่า
ครั้นเธอเข้าฌาน ๒ ที่มีปีติ (เป็นองค์) ออกแล้วก็พิจารณาปีติ
อันสัมปยุตตด้วยฌาน (นั้น) โดยความสิ้นไปเสื่อมไป ปีติก็เป็นอันเธอ
รู้ชัดได้โดยอสัมโมหะ เพราะรู้แจ้งลักษณะ” ในขณะที่เห็นด้วยวิปัสนา
๑. หมายถึงเข้าปฐมฌานและทุติยฌานโดยลำดับ
๒. มหาฎีกาแสดงอุปมาว่า เหมือนคนเดินหาจับงู เมื่อพบโพรงที่อาศัยของมันแล้วก็เท่ากับได้พบ
ตัวงู แล้วเขาก็จับมันได้จริง เพราะการจับงูด้วยอำนาจมนต์นั้นทำได้ง่าย ๆ ฉันใด เมื่อภิกษุได้รู้
อารมณ์ (ฌาน) อันเป็นที่อาศัยของปีติแล้ว ปีตินั้นก็เป็นอันเธอรู้ด้วยโดยแท้ เพราะกรที่จะ
กำหนดจับปีตินั้นโดยลักษณะของมัน หรือโดยสามัญลักษณะ ทำได้ง่าย ฉันนั้น
๓. มหาฎีกาว่า หมายถึงลักษณะของปีติเอง และสามัญลักษณะ