ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หน้าที่ 176
(ของข้าพเจ้า) แล้วชักเชือก (ที่ร้อยจมูก) รุมกัน
จับข้าพเจ้านำไป ข้าพเจ้าสู้อดกลั้นความทุกข์เห็น
ปานนั้น ไม่ทำอุโบสถศีลให้กำเริบ"
และพระบรมศาสดานั้นได้ทรงทำคุณน่าอัศจรรย์ มีประการดังกล่าวมา
นี้เท่านั้นก็หาไม่ ยังได้ทรงทำคุณน่าอัศจรรย์อย่างอื่น ๆ อีกเป็นอเนก
(ดังกล่าว) ในชาดกทั้งหลายมีมาตุโปสกชาดกเป็นต้น อันการยัง
ปฏิฆจิตให้เกิดขึ้น เป็นการไม่ชอบไม่ควรเหลือเกินแก่ตัวเจ้าผู้อ้างเอา
พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้ซึ่งบัดนี้บรรลุพระสัพพัญญุตญาณแล้ว ทรงมีพระ
ขันติคุณ อันใคร ๆ ในโลก (นี้) กับทั้งเทวโลกไม่มีเสมอเหมือน
นั้นว่า เป็นพระศาสดา (ของตน) ดังนี้
[สอนตนนัยที่ ๖ - พิจารณาถึงความที่เคยเกี่ยวข้องกันในสังสารวัฏ]
แต่ถ้าเมื่อเธอแม้พิจารณาถึงพระคุณ อันเป็นส่วนบุพจริยาของ
พระศาสดาดังกล่าวมานี้อยู่ ปฏิฆะของเธอผู้ตกเป็นทาสของกิเลสทั้ง
หลายมาช้านานนั้น ก็ยังไม่ระงับอยู่นั่นไซร้ ทีนี้เธอจึงพิจารณาถึงบท
พระสูตรทั้งหลาย ที่มีความเนื่องด้วยศัพท์อนมตัคคะ (สงสารที่ไม่
ปรากฏต้นปลาย) ก็ในสุตตบทเหล่านั้น สุตตบท (ต่อไป) นี้ พระผู้
มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า "ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตว์ผู้ที่ไม่เคยเป็นมารดา
ไม่เคยเป็นบิดา ไม่เคยเป็นพี่น้องชาย ไม่เคยเป็นพี่น้องหญิง ไม่
เคยเป็นบุตร ไม่เคยเป็นธิดา (ของเรา) มิใช่หาได้ง่าย" ดังนี้
๑. อปปฏิสม์ ขนฺติคุณ ปาฐะในมหาฎีกาเป็นบทสมาสว่า อปปฏิสมกฺขนฺติคุณ~~~~ เข้าทีกว่า
๒. ส. นิทาน. ๑๓/๒๒๓-๒๒๔