ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ -
- หน้าที่ 26
ดังนี้เป็นต้นแล้ว ทรงนิเทศ (ขยายความ) ไว้โดย (จัดเป็น) ๑๔
บรรพ (ดัง) นี้คือ อานาปานบรรพ อิริยาบถบรรพ จตุสัมปชัญญ
บรรพ ปฏิกูลมนสิการบรรพ ธาตุมนสิการบรรพ สิวัฏฐิกบรรพ 8
โดยนัยว่า "ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กายคตาสติบุคคลเจริญอย่างไร ทำ
ให้มากอย่างไร จึงมีผลใหญ่มีอานิสงส์มาก ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใน
ธรรมวินัยนี้ไปสู่ป่าก็ดี" ดังนี้เป็นอาทิ บัดนี้ นิเทศแห่งการเจริญ
กายคตาสตินั้น ถึงแล้วโดยลำดับ
[กายคตาสติที่ประสงค์ในที่นี้
ค
ใน ๑๔ บรรพนั้น เพราะเหตุที่ ๓ บรรพนี้คือ อิริยาบถบรรพ
จตุสัมปชัญญบรรพ ธาตุมนสิการบรรพ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสโดย
เป็นวิปัสสนา" สิวัฏฐิกบรรพ ๕ ตรัสโดยเป็นอาทีนวานุปัสสนา" (คือ
อาทีนวญาณ) ในวิปัสสนาญาณทั้งหลายนั้นแล อนึ่ง แม้สมาธิภาวนา
ใด พึงสำเร็จได้ (คือนับเข้าได้ ?) ในอสุภกรรมฐานทั้งหลาย มี
อุทธุมาตกอสุภเป็นต้น (อันมา) ในวัฏฐิกบรรพเหล่านั้น สมาธิ
ภาวนานั้นก็เป็นอันแจ้งกแล้วในอสุภนิเทศ ส่วน ๒ บรรพนี้เท่านั้น
คืออานาปานบรรพ และปฏิกูลมนสิการบรรพ ตรัสโดยเป็นสมาธิ
๑. ม. อุ. ๑๔/๒๐๔
๒. มหาฎีกาช่วยอธิบายว่า ธาตุมนสิการกรรมฐาน ให้สำเร็จได้เพียงชั้นอุปจารสมาธิก็จริงแล
แต่ทว่า สัมมสนวาร ในกรรมฐานนั้นมีกำลังยิ่งนัก (สาติสย) เพราะฉะนั้นจึงว่าธาตุมนสิการบรรพ
ตรัสโดยเป็นวิปัสสนา
๓. เพราะนววัฏฐิกบรรพนั้นล้วนแต่แสดงโทษในร่างกาย พร้อมทั้งลักษณะมีความไม่งามและคาม
ไม่เที่ยงเป็นต้น