ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หน้าที่ 169
[สอนตนนัยที่ ๕ - พิจารณาถึงบุพจริยาของพระศาสดา]
แต่ถ้าเมื่อพระโยคาวจรนั้น แม้พิจารณากัมมัสสกตาอยู่อย่างนี้
ปฏิฆะก็ยังไม่ระงับอยู่อีกไซร้ ทีนี้เธอจึงพิจารณาถึงพระคุณส่วนบุพ
จริยาของพระศาสดา” (ต่อไป) (ต่อไป) นี้เป็นนัยแห่งการ
พิจารณาในบุพจริยคุณของพระศาสดานั้น (คือสอนตน) ว่า "นี่
แน่ะพ่อนักบวช พระศาสดาของเจ้าในกาลก่อนแก่สัมโพธิสมัย แม้
เป็นพระโพธิสัตว์ยังมิได้ตรัสรู้ ทรงบำเพ็ญพระบารมีอยู่ตลอด ๔ อสงไขย
กับแสนกัป ก็มิได้ทรงยังพระจิตให้ (คิด) ประทุษร้ายในบุคคลทั้งหลาย
ผู้เป็นศัตรู แม้ (ถึงกับ) เป็นผู้ปลงพระชนม์เอาในชาตินั้น ๆ มิใช่
หรือ ข้อนี้มีเรื่องอย่างไรบ้าง ?
[สีลวชาดก]
พึงทราบเรื่องในสีลวชาดกก่อน พระเจ้าสีสวะโพธิสัตว์ เมื่อ
พระราชาผู้เป็นปฏิปักษ์ ที่อำมาตย์ชั่วผู้ประทุษร้ายในพระเทวีของ
พระองค์ นำมายึดเอาราชอาณาเขต” อันมีเนื้อที่ถึง ๓๐๐ โยชน์ ก็
มิได้โปรดให้หมู่อำมาตย์ผู้ลุกขึ้นจะป้องกัน แตะต้อง (อะไร) แม้แต่
อาวุธ ซ้ำเมื่อถูกปฏิปักษ์ขุดดิน (ลึก) แค่คอ (จับพระองค์) ฝังไว้
ในป่าช้าดิบ กับพวกอำมาตย์ ๑,๐๐๐ คนเล่า ก็มิได้ทรงทำพระวิการ
๑. มหาฎีกาช่วยไขความว่า พิจารณาพระคุณส่วนบุพจริยาไป ปฏิฆะอาจระงับได้ด้วยความเคารพ
ต่อพระศาสดา
๒. รชช์ ถ้าจะแปลว่า 'ราชสมบัติ" ดังที่แปลกันอยู่โดยมาก ความไปขัดกับคำแสดงเนื้อที่ จึง
เยืองแปลว่า ราชอาณาเขต จะแปลว่า รัชสีมา ก็ได้