ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หน้าที่ 136
กล่าวแล้วใน (ตอนแก้) กายสังขาร โดยพิสดาร” อนึ่ง ในบทเหล่านั้น
ในบทปีติ ท่านกล่าวเวทนาโดยแง่ปีติ ในบทสุข กล่าวเวทนา
โดยรูปของมันเอง ในบทจิตตสังขาร ๒ บท นับว่ากล่าวเวทนาที่
ประกอบกันกับสัญญา เพราะบาลี (ในปฏิสัมภิทามรรค) ว่า
"สัญญาและเวทนาเป็นเจตสิก ธรรม (๒) นั้นเนื่องกับจิต เป็นจิตต
สังขาร" ดังนี้แล"
บัณฑิตพึงทราบว่าจตุกกะนี้ตรัสโดยนัยแห่งเวทนานุปัสนา ด้วย
ประการฉะนี้
(จตุกกะที่ ๓]
แม้ จิตตปฏิสเวทิตา (ความกำหนดรู้จิต) ในจตุกกะที่
ก็พึงทราบว่าเนื่องด้วยฌานทั้ง 4 ข้อ ข้อว่า อภิปปโมทย์ จิตต์
นั้น ความว่า ภิกษุสำเหนียกว่าเราจักเป็นผู้ยังจิตให้บันเทิง ให้ปลื้ม
ให้ร่าเริง ให้เบิกบาน หายใจออกหายใจเข้า ความบันเทิงในข้อนั้น
ย่อมมีด้วยอาการ ๒ คือด้วยอำนาจสมาธิ ๑ ด้วยอำนาจวิปัสนา ๑
ถามว่า บันเทิงอำนาจสมาธิอย่างไร ? แก้ว่า ภิกษุเข้าฌาน ๒
ที่มีปีติ (เป็นองค์) เธอยังจิตให้บันเทิงให้ปลื้มด้วยปีติ อันเป็นสัม-
๑. หมายความว่า แก้ความนัยเดียวกัน ต่างกันแต่ที่นั่นเป็นกายสังขาร ที่นี่เป็นจิตตสังขารเท่านั้น
๒. อรรถาธิบายว่า ใน ๓ บทนี้ แสดงเวทนาด้วยกันทั้งนั้น ต่างกันตรงที่ว่า บทปีติแสดงสุขเวทนา
ในแง่ปีติ หมายความว่า เวทนานี้สัมปยุตกับปีติ ไม่ใช่เวทนาอุ่น ๆ และไม่ใช่ปีติอิสระ ส่วนใน
บทสุขนั่นแหละแสดงเวทนาตรงตัว แต่ในบทจิตตสังขารแสดงเวทนาที่สัมปยุตกับสัญญา