ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ -
- หน้าที่ 67
ด้วยมือคือลิ้น เคล้าด้วยน้ำย่อยคือเขฬะแล้ว ทันทีนั้น มัน (กลาย)
เป็นของปราศจากความถึงพร้อมแห่งสี กลิ่น และรสเป็นต้นไป ดู
ประหนึ่งข้าวลงด้ายของช่างหูกและรากสุนัข” (กลืน) ลงไปแล้ว น้ำดี
เสมหะและลม (ออกมา) กลั้วเป็นไอขึ้นด้วยกำลังสันดาปแห่งไฟ
(ธาตุ) ในอุทร อากูลไปด้วยหมู่หนอน ปล่อยฟองและต่อมขึ้นข้างบน
เรื่อย ถึงซึ่งความเป็นขยะ (ที่จะต้องทิ้ง) เป็นของเหม็นและน่าเกลียด
อย่างยิ่ง ตั้งอยู่ (ในอุทร) อุปมาเหมือนเมื่อฝนเม็ดหนาตกลงมาใน
หน้าแล้ง ซากชนิดต่าง ๆ จับแต่ปัสสาวะอุจจาระ ท่อนหนัง ท่อน
กระดูก ท่อนเอ็น น้ำลาย น้ำมูลและเลือด ที่น้ำ (ฝน) พัดพามา
ตกลงในแอ่งโสโครกข้างประตูหมู่บ้านพวกจัณฑาลแล้ว ประสมเข้า
กับน้ำโคลน (ในแอ่ง) ๒-๓ วัน ก็มีหมู่หนอนเกิดแล้ว เป็นไอขึ้น
ด้วยกำลังสันดาปแห่งแสงแดด ปล่อยฟองและต่อมขึ้นข้างบนเรื่อย
สีเขียวคล้ำเหม็นจัดน่าเกลียด ถึงซึ่งความเป็นรูปไม่น่าเข้าใกล้ไม่น่าดู
เลยตั้งอยู่ จะกล่าวไยถึงความเป็นสิ่งน่าดมหรือน่าลิ้มเล่า ฉะนั้น แม้
เพราะได้ฟังเรื่องอุทรไรเล่า ความเป็นสิ่งไม่น่าพอใจของกินทั้งหลาย
* ข้าวลงด้าย คือข้าวต้นข้น ๆ สำหรับลงด้ายที่จะทอผ้า เมื่อขยำด้ายไป สีที่ย้อมด้ายไว้
ก็จะออก ทำให้ข้าวและน้ำข้น ๆ นั้น ดูน่าเกลียดไป
รากสุนัข แปลจากศัพท์สุวานวมถุ แต่ในปรมัตถโชติกาและสัมโมหวิโนทนี ตอนนิเทศ
แห่งธาตุวิภังค์ มีศัพท์สุวานโทณิย์ เรียงไว้ข้างหน้า สฺวานวมถุ ถ้าเช่นนี้ สฺวานวมถุ จะไม่ใช่
รากสุนัขเสียแล้ว เป็น 'ข้าวสุนัข" กระมัง มันจึงอยู่ใน 'รางสุนัข' แม้เป็น 'ข้างสุนัข'
ถ้าเป้นอย่างในพื้นบ้านเรานี้ ก็ดูน่าเกลียดจริง เพราะเป็นเศษข้าวปนเศษแกงกับสารพัด เขาเทลง
ในรางสำหรับขุนสุนัข ท่านใช้ศัพท์วมถุ เพราะมันคล้ายรากกระมัง ?