ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หน้าที่ 13
ตัวเราจักพ้นเล่า
พระมหาฤษีเหล่าใดอาศัย (จับเอา) นิมิต
นั้นๆ มาพิจารณาสอบสวนไป" (จน) ได้
บรรลุอาสวักขัยด้วย (ลำพัง) ญาณอันกล้า
(ของตน) เป็นพระสยัมภูเปรียบเสมอด้วย
นอแรด เพราะเที่ยวไปและพักอยู่ผู้เดียว แม้
พระมหาฤษีเหล่านั้น ก็หาล่วงความตายไปได้
ไม่ กล่าวอะไรในคนทั้งหลายเช่นเราเล่า
[สมฺมาสมฺพุทฺธโต]
(พึงระลึก) โดยความเป็นพระสัมมาสัมพุทธะอย่างไร ? พึง
ระลึกโดยความเป็นพระสัมมาสัมพุทธะอย่างนี้ว่า แม้พระผู้มีพระภาคเจ้า
นั้นใด มีพระรูปกายวิจิตรไปด้วยมหาบุรุษลักษณะ ๓๒ มีอนุพยัญชนะ
๘๐ ประการประดับ มีพระธรรมกายสัมฤทธิ์ด้วยพระคุณรัตนะ มี
สัลขันธ์อันบริสุทธิ์ด้วยอาการทั้งปวงเป็นอาทิ ทรงถึงฝั่ง (คือชั้นยอด)
แห่งความมียศใหญ่ ความมีบุญมาก ความมีกำลังมาก ความมีฤทธิ์
มาก และความมีปัญญามาก หาผู้เสมอมิได้ ทรงเสมอกับผู้ที่ไม่มี
๑. อิติศัพท์ที มุญจิสสามิ น่าจะเกิน เทียบกับประโยคข้างต้นที่แก้ ยสมหตุตโต ซึ่งดำเนินความ
นัยเดียวกัน น ปติสฺสตร์ ก็ไม่มี อิติ
๒. หมายความว่า พระปัจเจกพุทธะนั้น เกิดนอกพุทธกาล ไม่ได้ฟังธรรมพุทธโอวาทและคำสอน
ใครอื่นเลย แต่เพราะมีบารมีญาณแก่กล้าควรจะตรัสรู้ได้ ได้เห็นอะไรก็เก็บเอามาเป็นนิมิต พิจารณา
สอบสวนทบทวนไปจนเกิดยถาภูตญาณทัสสนะปหานกิเลสได้
มหาฎีกาให้ตัวอย่างนิมิตที่พระปัจเจกพุทธจับมาคิดว่า เช่นเห็นความกระทบเสียดสีกันแห่ง
กำไลมือที่สวมไว้หลายๆ อัน