ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หน้าที่ 125
แท้จริง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอาศัยอำนาจประโยชน์ (คือเหตุ) นี้แล
จึงตรัสไว้ว่า "ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราไม่กล่าวอานาปานสติภาวนา
แก่คนที่หลงลืมสติไม่มีสัมปชัญญะ" ดังนี้
อันกรรมฐานทุกอย่าง ย่อมสำเร็จแก่ผู้มีสติสัมปชัญญะเท่านั้น ก็
จริงแล แต่ทว่ากรรมฐานอื่นจากนี้ เมื่อภิกษุมนสิการไป ๆ (ยิ่ง)
เห็นชัด ส่วนอานาปานสติกรรมฐานนี้หนัก การภาวนาก็หนัก เป็น
ภูมิมนสิการแห่งพระพุทธ พระปัจเจกพุทธ และพระพุทธบุตรทั้งหลาย
ผู้เป็นมหาบุรุษเท่านั้น ไม่ใช่การนิดหน่อย และไม่ใช่การที่สัตว์เล็ก
น้อยจะต้องเสพได้ มนสิการไปด้วยประการใด ๆ ก็ย่อมสงบและสุขุม
ไปด้วยประการนั้น ๆ เพราะเหตุนั้น ในกรรมฐานข้อนี้ จำปรารถนา
สติและปัญญาอันกล้าแข็ง เหมือนในเวลาชุมผ้าเนื้อเกลี้ยง (ละเอียด)
แม้เข็มก็ต้องใช้เข็มเล็ก ทั้งปัญญาอันสัมปยุตด้วยสตินั้น ที่เปรียบด้วย
ด้ายร้อยห่วงเข็มอันกล้าแข็ง ฉันนั้นเหมือนกัน
ก็แลภิกษุผู้ประกอบด้วยสติปัญญานั้น อย่าพึงแสวงหาลมอัสสาสะ
ปัสสาสะในที่อื่นจากที่ ๆ ลมกระทบตามปกติ เหมือนชาวนาไถนา
แล้วปล่อยโคพลิพัท (โคงานตัวผู้) ทำให้มันบ่ายหน้าสู่ที่หากิน แล้ว
จึงนั่งพักอยู่ในร่ม ครั้นแล้ว โคพลิพัทเหล่านั้นของเขา ก็เข้าคงไป
(หากิน) โดยเร็ว ชาวนาผู้ที่เป็นคนฉลาด ใคร่จะจับมันมาเทียม (ไถ)
** ม. อุ. ๑๔/๑๕๖