ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประการฉะนี้"
แม้บทที่เหลือ
က
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หน้าที่ 135
(คือ สุขปฏิเวที จิตตสงฺขารปฏิสัเวที)
ก็พึงทราบโดยความตามนัยนี้เถิด แต่นี่เป็นความแปลกกกันนิดหน่อยใน
บทเหล่านั้น คือ สุขปฏิสเวทิตา (ความที่ภิกษุรู้ชัดซึ่งสุข) จึงเข้าใจ
ว่าเนื่องด้วยฌาน ๓ (ที่มีสุขเป็นองค์) จิตตสงขารปฏิสเวทิตา
(ความที่ภิกษุรู้ชัดซึ่งจิตตสังขาร) จึงเข้าใจว่า เนื่องด้วยฌานทั้ง 4
(ซึ่งมีเวทนาเป็นองค์ตลอด) ขันธ์ ๒ มีเวทนาเป็นต้น ชื่อจิตตสังขาร
ก็ในบทสุขปฏิสัเวทีนั้น ท่านแก้ไว้ในปฏิสัมภิทาว่า คำว่า สุข ได้แก่
สุข ๒ คือกายิกสุข ๑ เจตสิกสุข ๑ ดังนี้ เพื่อแสดงวิปัสนาภูมิ
ข้อว่า ปสฺสมฺภย์ จิตฺตสงฺขาร นั้น ความว่า ระงับ คือคบ
จิตตสังขารที่หยาบ ๆ ความดับจิตตสังขารนั้น พึงทราบโดยนัยที่
๑. มหาฎีกาว่าแบ่งเป็น 4 ตอน ๆ แรก ๔ อาการ และตอสอง ๕ อาการ (แต่อาวชฺชโต
นึกหน่วง ถึง จิตต์ อธิฏฐหโต - อธิษฐานจิต) แสดงการรู้ปีติโดยอารมณ์ตอนสี่ (แต่อภิญฺเญยฺย
อภิชานโต - รู้ยิ่ง ซึ่งอภิญไญยธรรม ถึง สจินิกายพุฒิ สจฺฉิกโรโต ทำให้แจ้งซึ่งสัจฉิกาตัพพธรรม)
แสดงการรู้ปีติโดยอสัมโมหะ ส่วนตอนสาม (สทธาย อธิมุจจโต - ตัดสินใจด้วยศรัทธา ถึง
ปญฺญาย ปชานโต - รู้ด้วยปัญญา) แสดงการรู้ปีติทั้งโดยอารมณ์ทั้งโดยอสัมโมหะ เมื่อว่าโดย
สังเขป รู้โดยอารมณ์ ก็ด้วยเป็นสมถะ รู้โดยอสัมโมหะ ก็ด้วยเป็นวิปัสนา
ปาฐะตอนสี่ ในวิสุทธิมรรค เรียงไว้ว่า อภิญเญยฺย์ ปริญเญยฺย ปหาตพพ์ ภาเวตพฺพิ
สัจฉิกายพุฒิ สจฺฉิกโรโต เมื่อแปลจำต้องเติม อภิชานโต ปริชานโต ปชาโต และภาวยโต
ตามลำดับ ท่านไม่เรียงไว้ ด้วยเห็นว่านักเรียนอาจเติมได้เองกระมัง แต่ในมหาฎีกาแก้ไว้ ดูเป็นว่า
ของท่านเรียงไว้เสร็จ เพราะท่านยกมาเป็นบทตั้งเช่นว่า อภิชานโตติ วิปัสสนาปญฺญาปพฺพงฺคมาย
มคฺคปญฺญาย ชานโต-บทว่ารู้ยิ่งคือรู้ด้วยมรรคปัญญาอันมีวิปัสสนาปัญญาไปหน้า
๒. มหาฎีกาว่า สมเถ กายกสุขาภาวโต เพราะในสมถะ ไม่มีกายกสูข