ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หน้าที่ 120
ภิกษุรู้ธรรม ๓ อย่าง (นี้) ภาวนาย่อมสำเร็จ
က
มีอธิบายอย่างไร ? มีอธิบายว่า ธรรม ๓ อย่างนี้ มิได้เป็น
อารมณ์ของจิตดวงเดียวกัน แต่ธรรม ๓ นี้ จะเป็นสิ่งที่พระโยคีไม่รู้ก็
หามิได้ จิตเล่าก็มิได้ถึงซึ่งความส่ายไป ปธาน (ความเพียร) เล่า
ก็ปรากฏ และพระโยคีก็ยังประโยคให้สำเร็จบรรลุธรรมวิเศษได้ เปรียบ
เหมือน (ขอน) ไม้ที่เขาทอดไว้ที่พื้นดินราบแล้ว บุรุษพึงตัดมันด้วย
เลื่อย บุรุษ (นั้น) ตั้งสติไว้ตรงที่ฟันเลื่อยกระทบไม้ หาใส่ใจฟัน
เลื่อยที่มาหรือไปก็ตามไม่ แต่ว่าฟันเรื่อยที่มาหรือไปก็ไม่ใช่เขาไม่รู้
ปธาน (คือความเพียรเลื่อยไม้) เล่าก็ปรากฏอยู่ และขายังประโยค
(คือกิริยาเลื่อยไม้) ให้สำเร็จ ได้รับประโยชน์อันเยี่ยม ฉันใดก็ดี อุป
นิพันธนานิมิต” (ที่หมายสำหรับผูกจิต คือปลายจมูกหรือริมฝีปากบน)
ก็เหมือน (ขอน) ไม้ที่เขาทอดไว้ที่พื้นดินราบ ลมอัสสาสะปัสสาสะ
เหมือนฟันเลื่อย ภิกษุนั่งตั้งสติไว้ที่ปลายจมูกหรือมุขนิมิต” (ที่หมาย
ริมฝีปากบน) ไม่ใส่ใจถึงลมอัสสาสะปัสสาสะ ที่มาหรือไปก็ตาม แต่
ลมอัสสาสะปัสสาสะที่มาก็ดีไปก็ดี จะเป็นสิ่งที่เธอไม่รู้ก็หามิได้ ปธาน
เล่าก็ปรากฏ และเธอยังประโยคให้สำเร็จ บรรลุธรรมวิเศษได้ ก็
က
๑. ที่ว่าไม่รู้ธรรม ๓ อย่าง หมายความว่าไม่ได้ทำธรรม ๓ อย่างนั้นให้เป็นอารมณ์ รู้ ก็คือได้
ทําให้เป็นอารมณ์
๒. ที่ท่านประกอบคำว่า "ราบ" ไว้ด้วยนี้ ก็เพราะว่าถ้าพื้นไม่ราบ ขอนไม้ก็กระโดกกระเดก
เลื่อยยาก
๓. เป็นอุปนิพนธน....ก็มี
๔. มหาฎีกาว่า คนจมูกยาว ใช้ปลายจมูกเป็นที่หมาย คนจมูกสั้นใช้ริมฝีปากบน ซึ่งเรียกว่า
มุขนิมิต (เพราะคนจมูกสั้น ลมถูกริมฝีปากบนชัด ?)