ความหมายของนามและรูปในพระไตรญาณ วิสุทธิมรรค ภาค 3 ตอน 2 หน้า 19
หน้าที่ 19 / 329

สรุปเนื้อหา

บทความนี้อธิบายหลักการที่สำคัญในพระไตรญาณว่าด้วยนามและรูป ว่านามและรูปเป็นปัจจัยที่ต้องอาศัยซึ่งกันและกัน แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าพวกมันคือสิ่งเดียวกัน นามและรูปเป็นสิ่งว่างเปล่าที่เกิดจากการปรุงแต่ง ก่อให้เกิดทุกข์ และต้องมีการอธิบายให้ชัดเจนถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ด้วยอุปมาอุปไมย เพื่อให้เข้าใจได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยยกตัวอย่างเพื่อเพิ่มความเข้าใจเช่น กลองกับเสียง หรืออ ันอื่น ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงการไม่ปนกันของนามและรูป.

หัวข้อประเด็น

-ความหมายของนาม
-ความหมายของรูป
-ความสัมพันธ์ของนามและรูป
-อุปมาอุปไมยในพุทธศาสนา
-พระไตรญาณเกี่ยวกับนามและรูป

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ปรโปกษ- วิจิตรอมรเปล ภาค 3 (ตอนจบ) - หน้าที่ 19 สิ่งมีความคำี มีความพยายาม ด้วยอำนาจจากประกอบกันและกันเข้า ฉันนั้น เพราะฉะนั้น พระไตรญาจารย์ทั้งหลายจึงกล่าวว่า "นามและรูป (เท่านั้น)╚มีอยู่ในโลกนี้โดย (ปรมัตถ)╚ ดังจะ ก็แต่ในนามและรูปนั้น สัตว์และคนไม่มีเลย นามและรูปนี้เป็นของว่างเปล่า อันเป็นปัจจัยปรุงแต่ง ขึ้น เหมือนยุนร์ มันเป็นกองทุกข์ เป็นเช่นกันกับ (กอง) หายและฟื้น" อนึ่ง นามรูปนี้น่าจะควร (อธิบาย) ให้แจ่มแจ้งด้วยอุปมาอุปไมย ไม่นดรเพียงเท่านั่นหามิได้ บนทิตควร (อธิบาย) ให้แจ่มแจ้งแม้ด้วย อุปมาอื่น ๆ (อีก) มีกำอ้อมเป็นต้น จริงอยู่ เมื่อก่ออ็้อ กำเขาตั้ง พิกันไว้ มันด้าคำกันไว้ เมื่ออำหนึ่งส้ม อีกคำหนึ่งก็สัมด้วย ฉันใด นามและรูปในปัญญาโภคาพ ก็อาศัยกันและกันเป็นไป ต่างคำอันกัน ไว้ เมื่ออย่างหนึ่งสัมด้วยอำนาจมารณะ อีกอย่างหนึ่งสัมด้วย ฉันนั้น เหมือนกัน เพราะฉะนั้น พระไตรญาจารย์ทั้งหลายจึงกล่าวไว้ว่า "นามและรูปนี้คู่กัน ทั้งอุ่อกัษกันและกัน เมื่ออย่างหนึ่งแตก ก็แตกทั้งคู่ตามปัจจัย" อนึ่ง เมื่อเสียงอัสถกลองที่คนดีด้วยไมไ่ปเป็นไปอ ย กลองอืนหนึ่ง เสียงก็อันหนึ่ง กลองและเสียงไม่ได้ปนกัน กลองว่างจากเสียง เสียงก็ ว่างจากกลองฉันใด เมื่อมามอัศจรรกลกล่าวคือ (หย่า) วัตถุ ทรรว และอามนุษเป็นไปอยู่ รูปก็อันหนึ่ง นามก็อันหนึ่ง นามและรูปไม่ได้ ปนกัน นามว่างจากรูป รูปว่างจากนาม ฉันนั้นเหมือนกัน เป็นแต่
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More