ข้อความต้นฉบับในหน้า
พระไตรปิฎก - วิสุทธิมรรถแปล ภาค ๑ ตอน ๒ (ตอนจบ) - หน้า 202
เป็นไปกับด้วยภัยแท้หนอ ได้ปรากฏโดยเป็นสิ่งน่ากลัวแก่ผู้ปฏิบัติธรร-
ญาณ และว่า "อาทิตาวิปศนญาณได้เห็นโทษในสิ่งที่เป็นไปกับด้วย
โทษแท้หนอ" และว่า "นิพพานญาณได้เมื่อหนายในสิ่งที่น่าอเนาะหนอ
แท้หนอ" และว่า "มูลฎิจฉามญาณได้เกิดความใคร่ปลดเปลื้อง
ในสิ่งที่น่าอเนาะปล่อยแท้หนอ" และว่า "สิ่งที่ควรพิจารณา (หาทาง
ปลดเปลื้อง) แท้หนอ อันสังสมญาณญาณเข้าไปพึ่ง (วงเวน) แท้หนอ อันสังสมญาณ
เข้าไปพึ่ง (วงเวน) แท้" ดังนี้ และยังอนุโลมแก่วิปศักดิ์ธรรม
13 ในเบื้อปลายด้วย เพราะโพรจิญญาธรรมเหล่านั้นเป็นธรรมที่จ
พึงถึงได้ด้วยความปฏิบัติ (คือการมีกิเลสที่บังสั่งจะเอาอนุโลมญาน)
นั้น
[อุปมาแห่งอนุโลมญาณ]
อุปมาเหมือนพระราชาผู้ทรงธรรมประทับนั่ง (เป็นประธาน)
ณ วิจินฉฐาน (ศาลหลวง) ได้ทรงฟัง (คำ) วิจัยฉของโวหาริ-
มหาอามาตย์ (ลูกษร) ทั้ง ๙ แล้วทรงละเสียซึ่งความลำเอียง วางพระ-
องค์เป็นกลาง เมื่อทรงอนุโมทนา (คือพระราชานฤมิต) ไว้ว่า
จงเป็นอย่างวินิจฉันนั้นเกิด คื้อว่าอารณอนุโลมแก้ (คำ) วิจัยฉของ
โวหาริยมอามาตย์เหล่านั้นด้วย แก่โบสถ์ธรรมด้วย ฉันใด
ขออนุมันี้ บัญฑิตก็พึงทราบ ฉันนั้น
[ประโยคความ]
ก็แหละ อนุโลมญาณ (นั่น) เปรียบเหมือนพระราชา ญาณ ๙