ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยคส - วินัยธรรมวัดป่า ภาค ๓ ตอน ๒ (ตอนจบ) หน้าที่ 250
ยอมทำกิจ ๔ อย่างโดยขาดกันไม่เที่ยงไม่หลัง คือเผาใส่ ทำลาย
มืด ไขแสง กินน้ำมัน ฉันใด มรรคาจากกิรัสสัจจะจะ โดยขณะ
เดียวนั้นไม่ก่อนไม่หลัง ฉนั้นเหมือนกัน คือรู้ทุกข์ด้วยปริญญาสมุย
(รู้โดยกำหนดรู) รู้สุขด้วยปานาภิสมะ (รู้โดยละ) รู้มรรคด้วย
ภาวนาภิสมะ (รู้โดยทำให้มีขึ้น) รู้นี้โรด้วยสังขาริษสมัย (รู้โดย
ทำให้แจ้ง) ถามว่า “มื่ออธิษฐานอย่างไร ?” ตอบว่า “มื่ออธิษฐานว่า
พระโพธิการทำโรให้เป็นอารมณ์แล้ว ย่อมถึง คือเมื่อเห็น ย่อมรู้แจ้ง
ซึ่งจะอุ้ง ๔ ได้ ดังนี้ จริงอยู่ แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัส
พระพุทธนี้ไว้ว่า “คุรุภูกทั้งหลาย ผู้ใดเห็นทุกข์ ผู้ณอ่นๆย่อม
เห็นแม้ทุกสมุทย์ ย่อมเห็นแม้ทุกบาลิร ย่อมเห็นแม้ทุกบิฐย ย่อมเห็นแม้ทุกบุญโร ย่อมเห็นแม้ทุกอบาย ย่อมเห็นแม้ทุกบาป ย่อมเห็นแม้ทุกนิวรณ์ ย่อมเห็นแม้ทุกนิโรธ ย่อมเห็นแม้ทุกนิรโทษมินุปฏิปทา” ดังนี้
พิพากษาประเทียบอุบามในข้ออุปมานดังนี้คือ มรรคาน
ย่อมกำหนดทุกข์ อุปมาดังปะโยชน์ ย่อมละสมุทย์ ดังประทีป
ทำลายมืด ย่อมังรรกกล่าวว่าอธรรมมิสมาสังกัปปะเป็นดัง ให้มีขึ้น
๑. ส. มหาวาร ๑๔/๕๕๐
๒. คืองานอธิบายต่อไปเป็นคำฉะฉาน เช่นว่า ผู้ใดเห็นคุณสมุทย์ ผู้ณอ่นๆย่อมเห็นทุก...
๓. ข. ป. ๑๓/๑๓๔