ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค- วิสุทธิมรรคเปตาก 3 (ตอนจบ) - หน้าที่ 29
จิงมี ตันนหา เมื่อเวลานามี จิงมี เวทนา เมื่อผลสมี จิงมี ผลสมี เมื่อสphabetนาคม จิงมี นามรูปิ จิงมี นามรูปิ เมื่อ วิญญาณมี จิงมี วิญญาณ เมื่อสังขารทั้งหลาย จิงมี สังขารทั้งหลาย เมื่ออรกิจมิง จิงมี คังค์ ครั้นแล้วความสงสัยเเละได้โดยยืนที่ กล่าวเเล้วนั้นเเล
[กำหนดปัจจัยของนามรูป นี้ที่ 4]
ภิกขุอริยหนึ่ง กำหนดปัจจัยของนามรูปทางปฏิจจสมุปบาท โดยอนุโลมที่ได้แสดงให้ผลจรมเเล้วแต่ก่อนว่า “ดังนี้เเล สังขารทั้งหมดมีเพราะปัจจัยคือ วิชฌฉา ” ดังนี้เป็นต้น ครั้นแล้วความสงสัยเธอคือได้โดยยืนที่กล่าวแล้วเหมือนกัน
[กำหนดปัจจัยของนามรูป นี้ที่ 5]
ภิกขุอริยหนึ่งทำการกำหนดปัจจัยของนามรูปทางกรรมวัฏ และวิปากวัฏอย่างนี้ว่า “ธรรม & ประการนี้ คือ ความหลงในบรุ่ม-กรรมภาพเป็นวิชฌฉา เจตนาอันประมวลไว้ในบรุ่มกรรมภาพเป็นสังขาร ความใดในบรุ่มกรรมภาพเป็นต้นหา ความน้องเเละในบรุ่มกรรมภาพ เป็นอุปาทาน เจตนาในบรุ่มกรรมภาพเป็นต้น เมื่ออร่มกรรมภาพมีอยู่ ย่อมเป็นปัจจัยแห่งปฏิสนธิใน (อุปบัติ) ภพนี้ ธรรม & ประการนี้คือ ปฏินิธาน (อุปบัติ) ภพนี้เป็นวิญฌฉา
* มหาภิฏกว่า กิเลสวิญฌฉา ท่านรวมไว้ในกรรมวัฏ เพราะกิเลสเป็นสายนยของกรรม