ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยคษ - วิจักษธรรมวิเคราะห์ ภาค ๓ ตอน ๒ (ตอนจบ) - หมายเลข 262
เห็นความว่างเปล่า คือเห็นอนัตตา) ละสารทานาภิเรก (ความยึด
มั่นด้วยถือเอาว่าเป็นสาระ) ด้วยอธิษฐานธรรมวิสันนา (ความเห็น
แจ้งในธรรมอันเป็นอธิษฐาน คือรู้ความแตกต่างไม่มีสาระ) ละสังโม-
หาภิเรก (ความยึดมั่นด้วยกลุ่มหลง คือสงสัยและรู้ผิด) ด้วยถอดกฤ-
ญาณนะนะ (ความรู้ความเห็นตามเป็นจริง) ละอาสนาภิเรก (ความ
ยึดมั่นด้วยอาสาในภาพ) ด้วยอาทิภาพวิทฺูฏญาณ (พิจารณาเห็นโทษ) -
ละอัปปุปสงฺขา (ความไม่พิจารณาทาง) ด้วยอุปปุปสงฺขา(พิธารณาหันทาง) ละสังโยคกันิทิภาพ (ความยืดมั่นด้วยพัวพันอยู่ใน
วัฏฏะ) ด้วยวิวิฺฒญาณปิสนา (พิพิจารณาเห็นวัฏฏะ คือพระนิติพาน)
อันใด แม้อนันี่เป็นนตฺตปมแห่งกันเอง
[อธิบายหมวดปลายบทความ]
ในหมวดปัสสาวะเหล่านั้น กรรมนิจจาสัญญาเป็นต้นด้วยมาท-
วิสานา ๓ เมื่อจินอุปสนาเป็นอาณา เป็นอย่างไร กรรสนั้นได้กล่าว
ไว้ในอังกคณูปสนาเทคแล้วจะอะไรมากนั่นได้อย่างไร
ส่วนข้อความ "พยานปัสสนา" ได้แก่คุณแห่งพระไตรปิฎกว่าทำ
หมนวิปปโต (แยกกลุ่มอ่อนออก) แล้วเห็นความสิ้นไปอย่างนี้ว่า
"มันไม่เที่ยงโดยความว่าทิ้งไป" การจะสมุฏฐานอัตมย่อมได้ด้วยญาณนั้น
* ตามที่ให้ข้อความแสดงปานะ ๓ ไว้ในเชิงอรรถ ๑ หน้า ๒๕๕ ว่า ในดาราเรียนของเรา
เรียนตังขปานาไว้เป็นข้อที่ ๑ นั้น เมื่ออ่านอธิบายดังนี้คงปลนว้นแล้ว ก็จะสังเกตด้วยว่าอธิบาย
จากตำราริเนนนักธรรมของเราอย่างไร