ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโคม- วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๓ ตอน ๒ (ตอนจบ) หน้าที่ 211
อีกลูกหนึ่งกำจัดพลาหกแมงง ๆ (ไปหมดสิ้น) ที่นั่นบุรุษนี้ครับ
ท้องฟ้าปราศจากพลาหกแล้ว ก็เห็นดวงจันทร์ราบนักรณ์โยกได้
ในข้อปามและบงในนั้น ความมืดคืออิสรอย่างกลาง อย่าง
หยาบ และอย่างละเอียดปนดั่งสังข์ ยาเปรียบเหมือนพลาหก ๓ ชั้น
อนุโลมจิต ๓ เหมือนมด ๓ ลูก โคตรภูญาณเหมือนบูรศัตต์ พระ
นิพพานเหมือนดวงจันทร์ การบรรเทาความมืดบังจะจงแห่งอนุโลมจิต
แต่ดวง หยาบนการกำจัดพลาหก ๓ ชั้นตามลำดับแห่งมงแต่ละลูก
ความที่เมื่อดวงมืดบังจะปราดไปแล้ว เห็นพระนิพพานหมดดค
ได้แห่งโคตรภูญาณ เหมือนการมิเมื่อท้องฟ้าปราศจากพลาหกแล้ว
เห็นดวงจันทร์ร่องกระจ่างได้แห่งบูรศุบเน้น ก็แสดง ๑ ลูกอาจกำจัดแต่
พลาหกบังดวงจันทร์ได้เท่านั้น หากอาเห็นดวงจันทร์ไม่ ฉะใดว่า
อนุโลมจิตทั้งหลายก็อาจบรรเทาแต่ความมืดบังดังจะได้เท่านั้น หากอา
เห็นพระนิพพานได้ไม่ คืนนั้นบูรศุบอาจเห็นได้แต่ดวงจันทร์
(แต่) ไม่อาจกำจัดพลาหกได้ฉันใด โคตรภูญาณก็อาจเห็นพระนิพพาน
ได้เท่านั้น ไม่อาจบรรเทาความมืดคืออิสรได้ฉันใด ก็เพราะเหตุนัน
แหละ โคตรภูญาณนั้น ท่านจึงเรียกว่า อารชนะแห่งมรรคน
[อุปมรรยาญอาศัยสัญญาจากโคตรภูญาณ]
จริงอยู่ โคตรภูญาณนั้น แม้เป็นอนาวัชนะ (คือไม่ใช่อาวัชนะ)
(แต่ว่า) ตั้งอยู่ในฐานแห่งอาวัชนะ ราวกับให้สัญญาแก่มรรฆว่า "ท่าน"
จงเกิดอย่างนี้" แล้วจึงดับไป ฝ่ายมรรฆก็ไม่ปล่อยสัญญาแห่งโคตรภูญาณ