ข้อความต้นฉบับในหน้า
ปรโยคฺ - วิจารณ์ธรรมกะแปล ภาค ๓ ตอน ๒ (ตอนจบ) - หน้าที่ 113
โลกาธदी กี่เรื่อง (ต่อไป) นี้ เป็นเรื่องของความมีประมาณด้วยกันแห่งโอกาสนั้น ดังกล่าวมา ได้ยินว่าพระเจ ะ ๒ รูปบัง (ทำความเพียร) อยู่ภายในเรือนฝา สองชั้น ที่ติดครอบพรอท ถ นั้นเป็นวันอุโสมกถิ่น จ วัดทิ้งหลายถูกปิดด้วยเผาดนเมฆ ความมืดประกอบด้วยองค์ ๔ เป็นไปในตอนกลางคือ - ครั้งแล้วพระเจ ะรูปหนึ่งกล่าวว่าว่า "ท่านครับ เวลานี้ ดอกไม้บาญบุพพรรณสงฆ์ (ท่านเท่าสิงห์?) ที่มาพระเจดีย์ ปรากฏแก่ผม" อีกรูปหนึ่งก็กล่าวว่าว่า "คุณ (ที่) คุณบอก (น่ะ) ยังไม่น่าครรรร แต่เดี๋ยวนี้ ปลาและเต่าในน้ำ (น้ำไกลออกไป) โหยหนึงในมหาสุทธปารากุลฯ (นี้) ถึงจะน่ำธรรรม"!
อันวิปัสสนูปกิเลสนั้น ย่อมเกิดขึ้นแห่งสมวิปัสสนาญาณบุตร (ผู้ได้ สมะและวิปสน) โดยมาก สมวิปสนาญาณบุตรคนนี้ เพราะความไม่ปรากฏขึ้นแห่งเดิมแล้วหลายที่สมบัติบัติว่า' จึงจิตใจให้เกิดขึ้น
๑. มหาภูติอธิษฐานเพิ่มเติมว่าไม่ใช่ปรุงดู่นแต่แสงสว่าง รูปอะไร? ที่อยู่ในที่ๆๆ ฉายแสงสว่าง แผ่ไปถึง ก็ปรากฏหินหมด มีปัญหาว่า ที่เห็นดังอิฏฐวจีญาณหรือเห็นทางโน่วิญญาณ ท่านว่า คุณเหมอนอาจารยังหลายกว่ามา รูปในโอกาสนั้นเป็นสิ่งรู้ทั้งทางโวญญาณเท่านั้น คง ท่านผู้ได้พิพากษา
๒. มีประกอบด้วยองค์ ๔ คือ (๑) เป็นวันเดียดับ (๒) เป็นเวลาที่ขึ้น (๓) ที่เป็นป่าดิน (๔) เมฆปิดท้องฟ้า
๓. เมื่อด่านท่านกล่าวว่า บำเพ็ญปิ่นามาถึงชั้นอุพพพนูปสมาน ได้ชื่อว่ารัทรวิสสกแล้ว วิปปกิเลสย่อมเกิดขึ้น แปลว่า เลยมาถะไปแล้ว แต่คำที่ท่านกล่าวรื่น ฟังเป็นว่า ชั้นสมะ มีอุปกิเลสพวกนี้เกิด ถ้าเช่นนั้นต้องเรียก "สมุภูมิลาส" หรือ อันนี้ เราเข้าใจกว่าว่า ชั้นสมะ นั้น ก็สร้างบังอำนาจสมบัติ แต่ชั้นวิปสนา ก็สร้างบังอำนาจญาณ เขียนว่าบสมบัติขึ้นไป