ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยคสุข - วิถีธรรมกรมแปล ภาค 1 ตอน 2 (ตอนจบ) หน้าที่ 298
ว่าด้วย "ดูกอาวุโส คนที่ทำกาสิรยาตอนนี้ใด ใครส่งขบ
ทั้งหลายของคนผู้นั้นรังรับไป วิถีส่งขบทั้งหลาย...จิตส่งขบ
ทั้งหลายก็รังดับไป อยู่อย่างสงบ อินทรีย์ทั้งหลายแตก
(ส่วน) ภิกษุเข้าสัญญาเวติในโรคนี้ได้ กายส่งขบทั้งหลายของภิกษุ
นั้นรังดับไป วิถีส่งขบทั้งหลาย...จิตส่งขบทั้งหลายรังดับไป
(เหมือนกัน) แต่ถึงยังไม่สิ้น ไอ่อนไม่ยังไม่ลง อินทรีย์ทั้งหลาย
ยังไม่แตก" ดังนี้
[นิรโษบามติเป็นสงคตะหรือสงคะ ละฯ]
ส่วนในคำถามว่า "นิรโษบามติเป็นสงคตะหรือสงคะ"
เป็นต้น ไม่ควรกล่าวว่า นิรโษบามติเป็นสงคตะดี ว่าเป็นสงคะ
ดีดิว่าเป็นโลภะดีว่า เป็นโลภะตะดีว่า เพราะอะไร เพราะนิรโษ-
มามติขันธ์ ไม่อยู่โดยสภาวะ แต่เหตุใด นิรโษบามติขันธ์ นับว่า
เป็นอันได้เข้าถึงแล้ว ก็โดยอำนาจของพระอริยบุคคลผู้เข้า เหตุุนั้น
จะกล่าวว่า เป็นกรรมสำเร็จ ก็ครออยู่ มีไม่สำเร็จ
บันทิตทั้งหลายเจริญอดิรปัญญาแล้ว จึงเข้า
สมบัติอันละเอียด (สุญม) ที่พระอธิษฐานะ
เทพ ถึงซึ่งอันบ่าวเป็นนิพพานในที่สุด-
๑. ม. ม. ๑๒/๕๒
๒. มหากุฏิบรรยันว่า สถานที่โดยสภาวะ คือ โดยปรมัตถ์ จึงกล่าวว่า เป็นสงคะสงตะเป็นต้นได้ สิ่งไม่มีอยู่ ก็กล่าวไม่ได้