วิสุทธิมรรค: การเข้าใจนามและรูป วิสุทธิมรรค ภาค 3 ตอน 2 หน้า 22
หน้าที่ 22 / 329

สรุปเนื้อหา

บทความนี้กล่าวถึงการเข้าใจธรรมทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับนามและรูป โดยเสนอว่าทั้งคู่มีการอาศัยกันและกัน การเกิดขึ้นของนามและรูปไม่สามารถเป็นไปได้ด้วยตนเอง แต่ต้องพึ่งพาธรรมอื่นเป็นปัจจัย ข้อความยังยกตัวอย่างการอาศัยกันเหมือนเรือกับคนในทะเล โดยเน้นว่าธรรมทั้งหลายเป็นสังขตะและไม่มีอำนาจจากตัวเองที่สามารถเกิดขึ้นได้ตามลำพัง นอกจากนี้ยังกล่าวถึงการครอบงำของสัญญาและสมโมหภูมิในความเข้าใจเกี่ยวกับนามและรูป ซึ่งเป็นกระบวนการที่สำคัญในการเข้าใจธรรมชาติของสิ่งที่อยู่รอบตัว.

หัวข้อประเด็น

-นามและรูป
-การอาศัยกัน
-ธรรมอาศัยกัน
-สังขตะ
-การครอบงำของสัญญา

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ประโยค - วิสุทธิมรรคเปน ๓ ตอน ๒ (ตอนจบ) หน้า ๒๒ กินไปของเขาทั้งสองนั้นเป็นไปไม่ได้ก็ไม่ใช่ ฉันใด แม้นามก็ไม่มีเดช เกิดขึ้นด้วยเดชของตนก็หาไม่ เป็นไปในกรนี้ ๆ ก็หาไม่ รูปล่า ก็ไม่มีเดชเกิดขึ้นด้วยเดชของตนก็หาไม่ เป็นไปในกรนี้ ๆ ก็หาไม่ แต่ความอาศัยกันและกันเกิดขึ้นหรือเป็นไป แห่งนามและรูปนั้น ไม่มีสิ หาไม่ เพราะเหตุนี้ พระอาจารย์ทั้งหลายจึงกล่าวคำประพันนี้ว่า "ธรรมทั้งหลายเป็นสังขตะ อ่อนแอโดยลำพัง ตน เกิดด้วยพระองค์ตนไม่ด้าย ทั้งตั้งอยู่อย่างดังกล่าว ของตนก็ไม่ได้ด้วย มันมีปกติเป็นไปตามอำนาจ ของธรรมอื่นเกิดขึ้น (คือ) ธรรมเหล่านี้เกิดเพราะ มีธรรมอื่นเป็นปัจจัย ดังขึ้นพร้อมเพราะมีธรรมอื่น เป็นอารมณ์ และอธิฐานันตะแนและปัจจัยทั้งหลาย ซึ่ง เป็นธรรมอื่นให้เกิด (คือให้เกิด) ขึ้น คนทั้งหลาย อาศัยเรือไปในทะเลได้ฉันใดดี นามกายก็อาศัยรูปเป็นไปได้ฉันนั้นนั่นแหละ เรือ อาศัยคนทั้งหลายไปในทะเลได้ฉันใด รูปภายก็ อาศัยนามเป็นไปได้ฉันนั้นเหมือนกัน คนทั้งหลาย และเรือทั้งสองฝ่ายต่างอาศัยกันไปในทะเลได้ ฉันใด นามและรูปทั้งสอง ก็เป็นธรรมอาศัยกันและกัน (เป็นไป) ฉันนั้น" ความเห็นนามรูปตามเป็นจริง อันครอบงำเสียซึ่งสัญญา ตั้ง อยู่ในสมโมหภูมิ แห่งพระโอกาสผู้นำหนดนามรูปโดยนัยดัง ๆ ดัง
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More