ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - วิชาธรรมวินัย ๓ ตอน ๒ (ตอนจบ) - หน้า ๙๑
แดงเรือ ๆ แต้มสูญลงไป ๒-๓ วัน ก็แดงเข้มขึ้น ลงไป ๒-๓
วันอีก แกงจางลง ต่อเนื่อง (เป็นใบอ่อน) มีสีตั้งไปอ่อนแรก
ผลิต (ของไม้อื่น ๆ มีเมล็ดเป็นต้น) ต่อไปมีสีเป็นใบสีอ่อน แล้วเป็นสีเดียวแก่ ตั้งแต่
กาลที่เป็นใบสีเขียวแก่นั้นไป มันทำความสบายต่อแหล่งรูป (ใบของ
มัน) ที่เสมอกัน (คืออรูปเดิมนั้น) ให้สีเมื่อลงไป (ไม่เปลี่ยนสี)
โดยกาลประมาณปีหนึ่ง จึงเป็นใบเหลือง ร่วงจากขั้วหล่นไป
พระโทษนั้น กำหนดก็เอาใบโขนยืนขึ้นสู่โลกในด
ธรรมบารมีอย่างวีว่า "รูปอ่อนเป็นไปในกาลที่มันมีสีแดงเรือ ๆ
ย่อมดำไป ไม่ (อยู่มา) ถึงกาลที่มันมีสีแดงเข้มเลย รูปอ่อนเป็นไปในกาลที่มันมีสี
ในกาลที่มันมีสีแดงเข้มขึ้นก็ไป ไม่ (อยู่มา) ถึงกาลที่มันมีสีแดงลง
เลย รูปอ่อนเป็นไปในกาลที่มันมีสีแดงลงก็ไป ไม่ (อยู่มา)
ถึงกาลที่มันมีสีดำไปแล้วก็ไป ไม่ (อยู่มา) ถึงกาลที่มันมีสีดำกว่าสดขึ้นก็ไป
ในกาลที่มันมีสีดำดำก็ไป ไม่ (อยู่มา) ถึงกาลที่มันมีสีดำกงคลลง
เลย รูปอ่อนเป็นไปในกาลที่มันมีสีแดงลงก็ไป ไม่ (อยู่มา)
ถึงกาลที่มันมีสีดำกงลงเลย รูปอ่อนเป็นไปในกาลที่มันมีสี
ดำใบอ่อนแรกผลิด็คลั่ง ไปไม่ (อยู่มา) ถึงกาลที่มันมีสีแดงกงลง
เลย รูปอ่อนเป็นไปในกาลที่มันมีสีแดงกงสงดับไป ไม่ (อยู่มา)
ถึงกาลที่มันมีสีดำกงลงเลย รูปอ่อนเป็นไปในกาลที่มันมีสี
ดั่งใบอ่อนแรกผลิด็คลับไป ไม่ (อยู่มา) ถึงกาลที่มันมีสีดำกงสงดับไป ไม่ (อยู่มา)
ถึงกาลที่มันมีสีดำกงอ่อนลงก็ไป ไม่ (อยู่มา) ถึงกาลที่มันมีสี
ในกาลที่มันเป็นใบสีอ่อนก็เป็นไปในกาลที่มันเป็นใบสีเขียวแก่ก็ดับไป ไม่
(อยู่มา) ถึงกาลที่มันเป็นใบเหลืองเลย รูปอ่อนเป็นไปในกาลที่มันเป็นใบสีเขียวแก่ก็ดับไป ไม่
(อยู่มา) ถึงกาลที่มันร่วงจากขั้วหล่นไปเลย
เหตุนี้ มันจึงชื่อว่าไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา ดังนี้แล้ว พิจารณา