ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยคฃ - วิภาวัณธรรมแปล ภาค ๑ ตอน ๒ (ตอนจบ) - หน้าที่ 178
ก็แสดงสัญญาณบอกญาณนี้นั่น โดยความก็เป็นอันเดียวกันกับญาณ
๒ ข้างต้น (คือญาณจิตก็ยามญาณ และปฏิัฏฐาณปสาณญาณ) เพราะเหตุนี้ พระโพธิญานต่างปลายจึงกล่าวว่า “สังญญาณบอกญาณนี้ เป็นอันทเดียวกัน แต่ได้ชื่อว่า ญาณจิตก็ยามญาณในตอนต้น ปฏิัฏฐานชื่อว่า ปฏิัฏฐาณในตอนกลาง และได้ชื่อว่า สังญญาณบอกญาณ นี้คือยอดในตอนท้าย แม้ในพระบาลี ก็กล่าวว่า “ถามว่า “ปัญญาญาณอญฺญญญาณอญฺญ ญาณนี้เป็นญาณในสังญญา (ความว่างในสังญญา) ทั้งหลาย เป็นอย่างไร ? ก็ว่า “ปัญญาญาณคือความใคร่ปลดเปลื้อง ความพิการณา (รู้) ความพิการณซึ่งปัดตะ (ตัวก็คือสังญญา) เป็นญาณใน สังญญาณบอกญาณทั้งหลาย ปัญญาญาณคือความใคร่ปลดเปลื้อง ความพิการณ (รู้) ความพิการณซึ่งปัดตะ (ตัวหมุนไปชื่อสัญญา) ซึ่ง นิริตตะ (คือสังญญา) ฯ ฯ Such a copy (คือสัญญา) เป็นญาณใน สังญญาบอกญาณทั้งหลาย ปัญญาญาณคือความใคร่ปลดเปลื้อง ความพิการณ (รู้) ความพิการณซึ่งปัดตะ (ตัวหมุนไปชื่อสัญญา) ฯ ฯ ฯ ฯ ฯ ฯ ฯ ฯ ฯ ฯ ฯ ฯ
ในบทเหล่านั้น บทสมมาว่า มุฏฐิจกุญฺญตํปฏิวฺญาณฏิวชฺฉนา