ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค- วิถีธรรมรเปล ภาค 3 (ตอนจบ) - หน้า 71
ในก่อนไกแอลอาการเกิดแห่งอรูปนั้น พึงทราบตามนี้ที่กล่าวแล้ว
ในปฏิวัติสมบูรณ์เทคนิคั้นเกิด อรูป (คือจิต 15 ประเภท) นั้นแล
ตั้งแต่ดึกอันเป็นลำดับแห่งปฏิวัติสมบูรณ์ ไปจนถึงดับอำนาจแห่งวัง
(คือ เป็นวังคิด) ในที่สุดอาย ย่อมเกิดด้วยอำนาจจิต (คือเป็น
จุติจิต) ในจิตเหล่านั้น จิตใจเป็นกามวาจร จิตนั้นย่อมเกิดในอารมณ์
อันมีกำลังในวรรณะ ด้วยอำนาจดาร่มนะ (คือเป็นตารมณ์จิต)
ส่วนในวาปกตา เพราะจักษุยังไม่ทำลาย เพราะรูปทั้งหลายามาสู่คง
(แห่งจักษุ) จักวิญญาณอันอาศัยแสงสว่างมีมิติสิกาเป็นเหตุ ย่อม
เกิดพร้อมกับสัมปุปธรรรมทั้งหลาย จริงอยู่ ในฤทธิฉานแห่งจักษุประสาท
รูปที่ถึงความดังอยู่เหมือนกันย่อมกระทบจักษุได้ ครั้งจักษุนันถูก
กระทบแล้ว วังวนเกิดขึ้นดับไป 2 วาระ ต่อกันภายมโนธาต ญ่ง
อวชนกิให้สึริตเกิดขึ้นในอารมณ์นันนั่นแหละ ลำดับนั้น จักญ-
วิญญาณเป็นกุศลวิบา หรือ อุทธกวิบา ก็ตาม เพ่งรูปนั้นแหละเกิดขึ้น
แต่นั้นวิบามโนธาตุก็รับอารมณ์นั้นแหละเกิดขึ้น (เป็นสัมปิจฉนะ)
ต่อไป วิมานอหตุคามโนวิญญาณอธุตรตรวจวุจบันแหละเกิดขึ้น
(เป็นสันติฉนะ) ดำไป กิริยาอาทุกโมโนวิญญาณอธุตู เป็นอุบายา-
สหครด กำหนดเอารูปนั้นแหละเกิดขึ้น (เป็นโวฑูพะน) ต่อไปนั้น
บรรดากุศลธิต อุทธลิจิต และกิริยาจิตฝ่ายมาวจรทั้งหลาย จิตเป็น
อุปกะ อบกาปาสหครดคง หรือชวนะ & ถึง 3 คง เกิดขึ้น ต่อไปน
* หมายความว่า รูปในอุปปาทขณะ และ ดังคนจะ หานเป็นปัจจับของอะไรได้ไม เป็นได้แต่
ในฤติฉันะเท่านั้น