ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยคสรุป - วิถีธรรมภาค ๓ ตอน ๒ (ตอนจบ) - หน้าที่ 215
แล้วก็เป็นผู้สามารถในอันที่จะทำได้
[ปัจจเวกข์ ๑๕]
แต่ในที่สุดคุณผล จิตของพระโสดาบันนั้นย่อมลงสู่วัฏฏ์ ต่อมามีในวามวาชนะจึงติดวัฏฏ์เกิดขึ้น เพื่อประโยชน์แก่มรรคผลจากวัฏฏ์ (คืออ่อนพิจารณามรรค) ครับในโวนวาชนะนั้นดับแล้ว ชนะสำหรับมรรคปัจจเวกข์ ๗ ดวงจึงเกิดขึ้นตามลำดับและอวชนะเป็นต้นลงสู่วังคลที่แล้วเกิดขึ้นเพื่อประโยชน์แก่มรรคผลเป็นอันโดยเน้นนั้นแหละ เพราะความเกิดขึ้นแห่งอวชนะและชวนจิตใจล่าพระโสดาบันนั้นจึงป็นปัจจุบันของผลเป็นต้นโดยยั้นนั้นแหละ เพราะความเกิดขึ้นแห่งอวชนะและชวนจิตใจไร่เล่า พระโสดาบันนั้นจึงป็นปัจจุบันของผลเป็นต้น
ก็แก่พระโสดาบันนั้น ย่อมปิวญาณมัยรรณ์ (โดยยืน) ว่า "เรา มาได้ด้วยมรรคนั้นหนอ" แต่นั้นจึงปัจจเวกข์ผล (โดยยืน) ว่า "อานิสงส์นี้เราได้แล้ว" ต่อเนื่องจึงปัจจเวกข์ผลที่แล้วได้แล้ว (โดยยืน) ว่า "กสิลทั้งหลายชื่อดีๆ เราได้แล้ว" ลำดับนั้นจึงปัจจเวกข์ผลที่มรรคเมื่อสงฺจะพึงกำจัด (โดยยืน) ว่า "กสิล ทั้งหลายชื่อดีๆ ของเรายังเหลืออยู่" และในที่สุดจึงปัจจเวกข์ผลเพราะอตนพินภาพ (โดยยืน) ว่า "ธรรมอันนี้เรารู้แจ้ง แทงตลอดแล้ว โดย (ทำให้) เป็นอารมณ์" ปัจจเวกข์ ๕ ย่อมมีแก่พระอรหันต์ ๕ ย่อมมีแก่พระอรหันต์๕ และนุ่มแก่พระอริยสาวก โสดาบันดังนี้ และปัจจเวกข์ ๕ นี้กล้บพระโสดาบันนั้นใด ก็มีแม้แก่พระสกาฤกามี and พระอนาคามี*/
แต่สำหรับพระอรหันต์ อัน