ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโคม- วิชาภัณฑ์แปล ภาค ๓ ตอน ๒ (ตอนจบ) หมายที่ 151
(คือเบญจถามคุณ ?) และกิจสมิส องค์สังสิงใดเล่าส่งให้เป็นสมิส สิ่งนั้น
ก็ย่อมเป็นสงฆรเท่านั้นเอง เหตุนี้ นันทจึงกล่าวต่อไปว่า “ปัญญา
ในเหตุปฏิฐานว่า “อุปปะทะเป็นกถุ” เป็นอานิญฺญาคต ของนี้เป็นตัน
แม่เป็นต้นอย่างนั้น ก็พักทราบความต่างกันในธรรมฝ่ายไทยด้วยอำนาจ
เป็นไปโดยมีอาหารต่างกันอย่างนี้ คือ อาจารย์เป็นของน่ากลัว โดน
มีอาการเป็นทุกข์ โดยมีอาการเป็นสามิษ
คำว่า “ทศ าญาณ ปาญาณ ๑๐” อธิบายว่า กิญฺญาณ
เมื่อรู้ว่าอทิธานญาณ ชื่อว่าอ่อนรู้ว่า คือเทพตลอด ทำให้แจ้งซึ้ง
ญาณ ๑๐ คืออญาณมีธรรมฝ่ายอาทินพีอทัพเป็นต้นเป็นต้น ๕
ญาณมีธรรมฝ่ายเกมมีอนุปปาทะเป็นต้นเป็นต้น ๕
คำว่า “ทวิญฺญาณ อาถานา กลศตา-เพราะความที่เป็นผู้ลาก
ในญาณ ๒” ความว่า เพราะความที่เป็นผู้ลาดในญาณ ๒ นี้” คือ
อาทินญาณ ๑ สันทิญาณ ๑
คำว่า “นานานุภูมิุสููใน กุมปติ-ไม่หวั่นไหวในเพราะทิฐิ
ต่าง ๆ” ความว่า ย่อมไม่สะดวกไปในเพราะทิฐิทุจริตหลาย อันเป็น
๑. มหาภูมิว่า ญาณอันเป็นไปโดยอาราม (เห็นสงสาร) เป็นของน่ากลัว เป็นภาวะปฏิฐานณ์
ที่เป็นไปโดยอารามนั่น เป็นอานิญฺญาทดลอง
๒. มหาภูมิว่า อาณาน เป็นอุตูฏวิดในอรรถแห่งสัตตมวัด Becauseประกอบกับ กุลฺล ศัพท์
ดังคำว่า กุลฺล น จกฺวส-ผู้ลาดในการฟ้อนรำและบำร้อง ส่วน กุลฺลตา เป็นปฐมาวิด
ในอรรถดียววัด