ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยคสรุป - วิชชาธรรมกายภาค ๑ ตอน ๒ (ตอนจบ) หน้าที่ 143
ทั้งปวงเป็นสภาพที่ถึงซึ่งความจิราณย์ มีอธิษฐานหน้าปราถนาแก่
ญาณนั้น โดยเป็นของน่าเกรงขามเดียว เพราะเหตุนัน
จึงเรียกว่า กฎปฏิจจสมุปบาท (เห็นส่งรบปราถนาเป็นของน่าเกรง)
[บาลีฎีกาปฏิจจสมุปบาท]
ก็แก่ปะชะ (ต่อไป) นี้ เป็นบาลีในความปราถนาโดยเป็นของ
น่ากลัวดังกล่าวมานี้แก่งญาณนั้น ว่า "ปัจจุบัว เมื่อภิกษุทำในใจโดย
ความไม่เที่ยง ลสิอะไรปราถนาเป็นของน่ากลัว เมื่่อภิณห์ทำในใจโดย
ความไม่เที่ยง ลสิอะไรปราถนาโดยเป็นของน่าเกรง เมื่่อภิณห์ทำในใจโดย
ความเป็นทุกข์ ลสิอะไรปราถนาโดยเป็นของน่ากลัว เมื่่อภิณห์ทำในใจโดย
ความเป็นอนัตตา ลสิอะไรปราถนาโดยเป็นของน่ากลัว ?" วิสิษณา
ว่า "เมื่อภิณห์ทำในใจโดยความไม่เที่ยง นิมิตอมปราถนาโดยเป็นของ
น่ากลัว เมื่่อภิณห์ทำในใจโดยความเป็นทุกข์ ปวดตะ ย่อมปราถนาโดย
เป็นของน่ากลัว เมื่อภิณห์ทำในใจโดยความเป็นอนัตตา ทั้งสิบก็และ
ปวดตะ ย่อมปราถนาโดยเป็นของน่ากลัว"-
[แก้ล้อกันลิยฏูปูฐานะบาญ]
ในปฐมะเหล่านั้น ประว่่าว่า "นิมิตตะ" ได้แก่อาณิสนิมิต คำว่า
"นิมิตต" นั้น เป็นชื่อแห่งส่งรบทั้งหลายทั้งนี้ที่เป็นอิฏฐน คาดและปัจจุบัน
จริงอยู่ ภิกษุผุทำในใจโดยความไม่เที่ยงอ ย่อมเห็นแต่รมะ (คือ
ความแตกดับ) แห่งส่งรบทั้งหลายเท่านั้น เหตุ (ที่เห็นแต่ความแตก