ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - วิชาวิมารเปล่าก ๓ (ตอน ๒) - หน้าที่ 75
[ซอย ๑๐๐ ปี เป็น ๓ ส่วน]
ความตกไปแห่งรูปอันเดิมขึ้น คือเจริญขึ้นด้วยอำนาจวิเศษว่า
โยจุตต์ตกатьม ในคำนี้ ความว่าเกินขึ้นสู่ไรลักษณ์ด้วยอำนาจ
โโยจุตต์ตกมะนั้น ยกอย่างไร? คือพระโยจุตต์ตกนั่นต่อยอดร้อยปี
นั่นแหละออกด้วยวัย ๓ คือ ด้วยปฐมวัย ด้วยมัชฌิมวัย ด้วยปัจจิมวัย
ใน ๓ วัยนั้น ๓ ปีแรก จัดเป็นปฐมวัย ๑๘ ปี ถัดไป จัดเป็น
มัชฌิมวัย ต่อไป ๓๓ ปี จัดเป็นปัจฉิมวัย ครั้งต่อมาด้วยวัย ๓ นี้
อย่างนี้แล้ว ก็ยิ่งขึ้นสู่อีกสากล (ด้วยมนิการ) ว่า "รูปลักษณ์ไป"
ในปฐมวัย ก็จะไปในปฐมวัยนั้นเอง ไม่ถึงมัชฌิมวัย เหตุนี้ รูปที่
เป็นไปในปฐมวัยนั้นก็ชื่อว่าไม่เที่ยง สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นชื่อว่าเป็น
ทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นก็รู้ว่าเป็นอนัตตา รูปที่เป็นไปในมัชฌิม-
วัย ลิกไปในมัชฌิมวัยนั้นเอง ไม่ถึงปัจฉิมวัย เหตุนี้ นแม้รูป
ที่เป็นไปในมัชฌิมวัยนั้นก็ชื่อว่าไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา ถึงรูปที่
เป็นไป ๓๓ ปี ในปัจฉิมวัย อันจะมีความสามารถ (เป็น) ไปต่อแต่
มรณะก็อาจไม่ เหตุนี้ แม้รูปที่เป็นไปในปัจฉิมวัยนั้นก็ชื่อว่าไม่เที่ยง
เป็นทุกข์เป็นอนัตตา" ดังนี้
[ซอย ๑๐๐ ปี เป็น ๑๐ ส่วน]
พระโอวาท ครั้นยกขึ้นสู่ไรลักษณ์ โดยอ้างอาวัยปฐมวัยเป็นต้นอย่างนี้แล้ว ยกนี้สไตรลักษณ์โดย
โยจุตต์ตกคะมะ ด้วยอำนาจสะ สะ ๑๐ เหล่านี้ คือ