ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - วิญญาณกรรมแปล ภาค 3 ตอน 2 (ตอนจบ) - หน้าที่ 214
ส่วนอาจารย์ลงพวกกล่าวว่า "ผลจิต ๑,๒,๓, หรือ ๔ ดวง (เกิดขึ้น)" ค่านี้ไม่ควรถือเอา เพราะว่าโคจรฤทธิ์ย่อมเกิดขึ้นในที่สุดต่อมาเสนะแห่งอณฺตโลมาญาณเหตุนี้ โดยกำหนดอย่างต่ำที่สุด อณฺตโลมิจิตต้องมี ๒ ดวง เพราะดวงเดียวอาจไม่ได้สถานปัจจัย และอาวุธวิธีหนึ่ง ย่อมมีจิต ๓ ดวงเดียวอาจยิ่ง เพราะฉะนั้น ญาณใดมีอณฺตโลมิจิต มีอณฺตจิตดวงที่ ๑ แห่งญาณนั้นก็เป็นโคจรจิต ดวงที่ ๔ เป็นมรรคริต (อีก) ๓ ดวงเป็นผลจิต ญาณใดมีอณฺตโลมิจิต ๓ ดวง จิตดวงที่ ๔ ของญาณนั้นก็เป็นโคจรจิต ดวงที่ ๕ เป็นมรรคริต (อีก) ๒ ดวงเป็นผลจิต เพราะเหตุนี้ ฤทธิ์นั่น จงเจ้าจงกล่าวไว้ว่า "ผลจิต ๒ หรือ ๓ ดวง...ย่อมเกิดขึ้น"
ฝ่ายอาจารย์ลงพวกก็เห็นว่า "ญาณใดมีอณฺตโลมิจิต ๔ ดวง จิตดวงที่ ๖ ของญาณนั้นเป็นโคจรจิต ดวงที่ ๗ เป็นมรรคริต (อีก) ดวง ๑ เป็นผลจิต" อันคำนี้ก็ไม่ควรเชื่อถือเป็นสาระ เพราะค้านได้ว่า "จิตดวงที่ ๕ หรือที่ ๖ ย่อมเป็นอัปปนาไม่ยิ่งกว่านั้นไป เพราะใกล้ภวังค" ดังนี้ ก็ด้วยความคิดนี้ นี้แห่งผลในด้ามปรุงรสในด้านนี้ พระโยคาวจรวงผู้นั้นก็เป็นพระอริยะบุคคลที่ ๒ ชื่อพระโสภิต นับยังเป็นผู้ประมาณอยู่มาก ท่องเที่ยวไปในพวกเทพและพวกมนุษย์ ๗ ชาติ
๑. ลำดับพระอรหบุคคล ๔ พระผู้มีอยู่ในโสดาปัตติผลที่ ๑ พระผู้มีอยู่ในโสดาปัตติผล ซึ่งเป็นที่ ๒
๒. ที่ว่าพระโสภิตนัยประมาณอยู่มากนั้น หมายความว่าในระหว่างที่เวียนเกิดอยู่ ๓ ชาติ ย่อมจะได้ประสบสิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาณ ทำให้มีวามาเพลิดเพลินไปบ้างตามประสาญังไม่สิ้นกลาน แต่ไม่ถึงกับล่วงศีลล่วงธรรมทำบาปบาปมักอะไรเลยเทอไป