ข้อความต้นฉบับในหน้า
บทที่ 1
บทนำ
องค์ความรู้ในพระไตรปิฎกนั้นมีความลึกซึ้งและกว้างขวางมาก นอกจากจะมีหลัก
คำสอนเพื่อความพ้นทุกข์แล้ว ยังมีองค์ความรู้ครอบคลุมศาสตร์ทางโลกต่าง ๆ มากมายอีกด้วย
กล่าวคือครอบคลุมทั้งหมวดวิชามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ซึ่งศาสตร์ทั้งปวง
ในทางโลกนั้นสรุปรวมลงได้ใน 3 หมวดวิชานี้
มนุษยศาสตร์นั้นกล่าวถึงตัวมนุษย์โดยเน้นโลกภายในของมนุษย์ ได้แก่ เรื่องจิตใจ
ความรู้สึกนึกคิดคุณค่าของความเป็นมนุษย์ เป็นต้น ซึ่งมีสาขาวิชาย่อยดังนี้ เช่น วิชาศาสนา
วิชาปรัชญา วิชาภาษาศาสตร์ อารยธรรม และ วิชาประวัติศาสตร์ เป็นต้น
สังคมศาสตร์นั้นกล่าวถึงมนุษย์กับความสัมพันธ์ของมนุษย์ด้วยกัน เป็นเรื่องโลก
ภายนอกของมนุษย์ทางด้านสังคม ซึ่งมีสาขาวิชาย่อยดังนี้ เช่น รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์
เศรษฐศาสตร์ วาทศาสตร์ การจัดการ และ สังคมวิทยา เป็นต้น
ส่วนวิทยาศาสตร์นั้นมีชื่อเต็มว่า “วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ” เป็นหมวดวิชาที่ว่าด้วย
เรื่องมนุษย์และสิ่งแวดล้อมทางกายภาพซึ่งเป็นโลกภายนอกของมนุษย์เช่นกัน มีสาขาวิชาย่อย
ดังนี้ เช่น เคมี ฟิสิกส์ ชีววิทยา แพทยศาสตร์ ดาราศาสตร์ และ เกษตรศาสตร์ เป็นต้น
วิชาสรรพศาสตร์ในพระไตรปิฎกนี้กล่าวถึงศาสตร์ที่สำคัญๆ ทั้งหมด 7 ศาสตร์ โดยมี
ศาสตร์ที่เป็นหมวดวิชาใหญ่ 2 ศาสตร์ คือ มนุษยศาสตร์ กับ วิทยาศาสตร์ และศาสตร์ที่เป็น
สาขาวิชาย่อยอีก 5 ศาสตร์ คือ รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ วาทศาสตร์ และแพทยศาสตร์
ซึ่ง 4 ศาสตร์แรก ได้แก่ รัฐศาสตร์ เป็นต้น จัดอยู่ในหมวดวิชาสังคมศาสตร์ ส่วนแพทยศาสตร์นั้น
จัดอยู่ในหมวดวิชาวิทยาศาสตร์
องค์ความรู้ในพระไตรปิฎกนั้นเน้นเรื่องมนุษยศาสตร์เป็นหลัก รองลงมาคือ
สังคมศาสตร์ ส่วนด้านวิทยาศาสตร์นั้นมีกล่าวไว้เพียงส่วนน้อย แต่แม้จะมีน้อยถึงกระนั้นก็มี
ความลึกซึ้งและกว้างไกลกว่าองค์ความรู้ในทางโลกมาก เพราะเป็นความรู้แจ้งที่เกิดจากเห็นแจ้ง
ด้วยภาวนามยปัญญาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้เป็นความรู้ที่เกิดจากการอ่านการคิดและ
ตั้งสมมติฐานแบบนักวิทยาศาสตร์
4 DOU สรรพศาสตร์ ในพระไตรปิฎก