การสร้างเครือข่ายคนดีเพื่อความมั่นคงในชีวิต GB 406 สรรพศาสตร์ในพระไตรปิฏก หน้า 221
หน้าที่ 221 / 373

สรุปเนื้อหา

การสร้างเครือข่ายคนดีนั้นมี 3 ขั้นตอนคือ การวางตัวที่เหมาะสมตามบทบาทในสังคม การซึมซับศีลธรรมจากคนดีรอบตัว และการถ่ายทอดความรู้และความดีสู่ผู้อื่น นอกจากนั้นการคบเพื่อนหรือหุ้นส่วนดีๆ จะช่วยสร้างฐานะทางเศรษฐกิจได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน การเลือกมิตรดีจะทำให้ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบและช่วยกันสร้างความเจริญ แม้ว่าในการใช้จ่าย ต้องรู้จักเลี้ยงชีพพอเหมาะ โดยไม่ฟุ่มเฟือยเกินไปและไม่ทำให้เกิดความขัดสน.

หัวข้อประเด็น

-การวางตัวในสังคม
-ซึมซับศีลธรรม
-การถ่ายทอดความรู้
-การสร้างฐานะทางเศรษฐกิจ
-การใช้ชีวิตอย่างพอเหมาะ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

หากรักจะยืนหยัดอยู่ในโลกกว้างอย่างมั่นคงแล้ว ก่อนอื่นต้องสร้างธาตุแห่งความเป็น คนดีขึ้นมาในตัวก่อน แล้วจึงสร้างเครือข่ายคนดีขึ้นมา เป็นวงจรตามลำดับ การสร้างเครือข่ายคนดีมี 3 ขั้นตอนด้วยกัน คือ ขั้นที่ 1 รู้จักวางตัวให้เหมาะสม เช่น พิจารณาให้ดีว่า ขณะนั้นตัวเราอยู่ในสังคมใด อยู่ ในฐานะใด มีตำแหน่งหรือบทบาทหน้าที่อะไร เช่น ถ้าเป็นพ่อก็ต้องวางตัวให้สมกับที่เป็นพ่อ เป็นเพื่อนก็วางตัวให้สมกับที่เป็นเพื่อน ขั้นที่ 2 ซึมซับเอาศีลธรรมมาจากคนดีที่อยู่รอบตัวเราในสังคมนั้นๆ โดยการหมั่น เข้าไปสนทนา ซักถาม หมั่นคอยสังเกตผู้ที่ถึงพร้อมด้วยคุณความดีเหล่านี้ เพื่อจะได้ซึมซับและ ถ่ายทอดเอาความรู้ ความดีจากบุคคลเหล่านั้นมาสู่ตัวเรา ขั้นที่ 3 ถ่ายทอดความรู้และความดีของเราไปสู่ผู้อื่นที่อยู่แวดล้อมรอบด้าน เมื่อเรากำลังสร้างฐานะทางเศรษฐกิจต้องรู้จักเลือกทำงานกับคนที่มีความซื่อสัตย์สุจริต เท่านั้น เพราะมิตรดีเท่านั้น จึงจะช่วยกันสร้างความเจริญให้แก่กันและกันได้อย่างยั่งยืน และที่ สำคัญต้องขยายเครือข่ายความเป็นกัลยาณมิตรออกไปให้กว้างขวางมากที่สุด เพราะมิตรยิ่ง มากเท่าใด โอกาสที่จะสร้างตัวให้ร่ำรวยก็มากขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าหากไม่เลือกมิตรหรือหุ้นส่วนที่จะทำงานร่วมกันเพื่อสร้างฐานะแล้ว โอกาสที่จะ ถูกเอารัดเอาเปรียบ ถูกโกง ถูกทำให้เสียหายก็เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ทรัพย์สินเงินทองที่หามา ได้ก็ต้องหมดไปเพราะความไม่ระมัดระวัง มีความประมาท พลาดเพียงครั้งเดียวก็อาจทำให้ สิ้นเนื้อประดาตัว เพียงเพราะคบมิตรเลวก็มีตัวอย่างให้เห็นอยู่บ่อยๆ 4.) สมชีวิตา สมชีวิตา แปลว่า ถึงพร้อมด้วยความเป็นอยู่ที่เหมาะสม สมชีวิตา หมายถึง การใช้ทรัพย์เป็น คนที่ใช้ทรัพย์เป็นจะต้องรู้จักเลี้ยงชีพอย่างพอเหมาะพอสม ไม่ให้ฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย และไม่ให้ขัดสนฝืดเคือง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า กุลบุตรในโลกนี้เลี้ยงชีพแต่พอเหมาะ ไม่ให้ฟุ่มเฟือยนัก ไม่ให้ฝืดเคืองนักด้วยคิดว่า “การใช้จ่ายอย่างนี้ รายรับจักเป็นรายจ่ายและ รายจ่ายจักไม่เกินรายรับ” เปรียบเหมือนคนชั่งของ ยกตราชั่งขึ้นดูก็รู้ได้ว่า “ต้องลดลงเท่านี้ หรือ เพิ่มขึ้นเท่านี้” 210 DOU สรรพ ศ า ส ต ร์ ในพระไตรปิฎก
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More