ข้อความต้นฉบับในหน้า
7.5 ขั้นตอนการบัญญัติสิกขาบท
ขั้นตอนการบัญญัติสิกขาบทนั้นมีอยู่ 4 ขั้นตอนด้วยกันคือ
1) มีเหตุเกิดขึ้น
2) พระภิกษุกราบทูลพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
3) ประชุมสงฆ์
4) บัญญัติสิกขาบท
ในขั้นตอนการประชุมสงฆ์นั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะทรงสอบถามภิกษุที่ก่อเหตุนั้นๆ
ขึ้นว่าทำจริงหรือไม่ เมื่อเขายอมรับว่าทำจริง พระองค์ก็จะทรงติเตียน ตรัสถึงโทษของความเป็น
คนเลี้ยงยาก บำรุงยาก มักมาก ไม่สันโดษ คลุกคลี และโทษของความเกียจคร้าน แล้วตรัสถึง
คุณของความเป็นคนเลี้ยงง่าย เป็นต้น จากนั้นพระองค์จึงตรัสวัตถุประสงค์ของการบัญญัติ
สิกขาบทแล้วจึงทรงบัญญัติสิกขาบท
ตัวอย่างการบัญญัติสิกขาบท
ตัวอย่างต่อไปนี้คือการบัญญัติปาราชิกสิกขาบทที่ 1
ต้นบัญญัติหรือผู้ก่อเหตุให้ต้องบัญญัติพระวินัยครั้งแรกคือ พระสุทินน์เนื่องจากท่านได้
เสพเมถุนกับภรรยาเก่าของท่าน เพราะถูกมารดาและบิดารบเร้าให้ท่านลาสิกขาออกไป เพื่อ
สืบสกุลและดูแลมรดกเป็นอันมาก แต่พระสุทินน์ไม่ปรารถนาจะลาสิกขามารดาของท่านจึงกล่าว
ว่า พ่อสุทินน์ ถ้าอย่างนั้นพ่อจงให้พืชพันธุ์ไว้บ้าง พวกเจ้าลิจฉวีจะได้ไม่ริบทรัพย์สมบัติของเรา
ซึ่งหาบุตรผู้สืบสกุลไม่ได้
พระสุทินน์กล่าวว่า คุณโยม เฉพาะเรื่องนี้อาตมาอาจทำได้ เพราะท่านเห็นว่าไม่มีโทษ
เนื่องจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังมิได้ทรงบัญญัติสิกขาบท เมื่อท่านพระสุทินน์ตอบรับแล้วจึง
จูงแขนภรรยาเก่าพาเข้าป่ามหาวันแล้วทำการเสพเมถุน เหล่าเทพทั้งหลายมีภุมเทวา เป็นต้น
ผู้ได้เห็นเหตุการณ์นั้นจึงกระจายข่าวต่อ ๆ กันไปจนถึงพรหมโลกว่า ท่านผู้เจริญโอ ภิกษุสงฆ์ไม่มี
เสนียดไม่มีโทษ พระสุทินน์กลันทบุตรก่อเสนียดขึ้นแล้ว ก่อโทษขึ้นแล้ว
ต่อมาพระสุทินน์เกิดความร้อนใจขึ้นว่า เราได้ชั่วแล้วหนอ เราไม่ได้ดีแล้วหนอ เพราะ
เราบวชในพระธรรมวินัยที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีอย่างนี้แล้ว ยังไม่สามารถประพฤติ
พรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ได้ตลอดชีวิต เพราะความร้อนใจนั้นท่านจึงซูบผอม เศร้าหมอง มี
บทที่ 7 นิ ติ ศ า ส ต ร์ ในพระไตรปิฎก DOU 173