อายุศาสนาและการบัญญัติสิกขาบทในพระพุทธศาสนา GB 406 สรรพศาสตร์ในพระไตรปิฏก หน้า 180
หน้าที่ 180 / 373

สรุปเนื้อหา

บทความนี้สำรวจเกี่ยวกับอายุการดำรงอยู่ของพระพุทธศาสนา โดยยกตัวอย่างอายุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งสามองค์และการบัญญัติคำสอนและวินัยที่ช่วยรักษาศาสนาให้ยั่งยืน ตัวอย่างที่นำเสนอ ได้แก่ ความสำคัญของการบัญญัติสิกขาบทในช่วงเวลาต่างๆ ที่สามารถทำให้พระศาสนาอยู่ต่อไปได้อย่างยั่งยืน พระผู้มีพระภาคผู้เสด็จลงมาในโลกได้แสดงให้เห็นว่าความมีอายุยืนนานของศาสนานั้นวัดกันจากการปฏิบัติตามคำสอนและการศึกษาที่สืบทอดต่อไป. สำหรับศาสนาที่เราศึกษาในปัจจุบันมีอายุกว่า 2,500 ปีแล้ว และสามารถมีหลายช่วงอายุคน.

หัวข้อประเด็น

-อายุศาสนา
-การบัญญัติสิกขาบท
-พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
-วิธีการรักษาศาสนา
-ความสำคัญของปาฏิโมกข์

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ได้ 140,000 ปี ส่วนพระเวสสัมมาสัมพุทธเจ้ามีพระชนมายุ 60,000 ปี ศาสนาของพระองค์ตั้ง อยู่ได้ตลอด 120,000 ปี จริงๆ แล้วถ้านับจำนวนปีพระศาสนาของพระผู้พระภาคเจ้าทั้ง 3 พระองค์นี้มีอายุยืนนานมาก แต่ถ้านับโดยช่วงอายุคนแล้วจะเห็นว่า ศาสนาตั้งอยู่ได้เพียง 2 ช่วงอายุคนเท่านั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่าไม่ดำรงอยู่นาน ส่วนพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่ากกุสันธะมีพระชนมายุ 40,000 ปี พระโก นาคมน์ มีพระชนมายุ 30,000 ปี พระกัสสปะ มีพระชนมายุ 20,000 ปี แม้พระสาวกในยุค ของพระพุทธเจ้าเหล่านั้นก็มีอายุประมาณนั้น ในศาสนาของพระผู้มีพระภาคทั้ง 3 พระองค์นี้ มีการบัญญัติสิกขาบท มีการแสดงปาฏิโมกข์ และมีพระธรรมคำสอนมาก ด้วยเหตุนี้ศาสนา ของพระผู้มีพระภาคทั้ง 3 พระองค์จึงดำรงอยู่นานโดยนับจำนวนปีด้วย และดำรงอยู่นานโดย นับยุคของคนด้วย สำหรับศาสนาในยุคของเราตั้งอยู่มาได้ 2,500 กว่าปีแล้ว ถ้านับจำนวนปี ถือว่ายังน้อยมาก แต่ถ้านับโดยช่วงอายุคนจะได้หลายช่วงอายุคน เพราะคนยุคของเรามีอายุ น้อย กล่าวคือ ในสมัยพุทธกาลคนมีอายุประมาณ 100 ปี หากนำตัวเลขนี้ไปคำนวณก็จะได้ อายุพระศาสนาถึง 30 ช่วงอายุคนแล้ว และจะดำรงอยู่ต่อไปได้ตราบเท่าที่พุทธบริษัทยังรัก การศึกษาและปฏิบัติธรรม 7.3.2 กาลเวลาแห่งการบัญญัติสิกขาบท เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสความสำคัญของสิกขาบทในฐานะที่จะทำให้พระพุทธ ศาสนามีอายุยืนนานแล้ว พระสารีบุตรได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ถึงเวลาแล้ว พระพุทธเจ้าข้า ที่จะทรงบัญญัติสิกขาบท ถึงเวลาแล้วที่จะทรงแสดงปาฏิโมกข์แก่สาวก อันจะ เป็นเหตุให้พระศาสนานี้ดำรงอยู่ได้นาน พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า “จงรอก่อน สารีบุตร ตถาคตผู้เดียวจักรู้กาลในกรณีนั้น ก็ บรรดาภิกษุ 500 รูปนี้ภิกษุที่ทรงคุณธรรมอย่างต่ำ ก็เป็นโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงเป็นผู้ที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า” กล่าวคือ พระภิกษุทั้ง 500 รูปนั้นต่างก็เป็นพระอริย บุคคล จึงรู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ ไม่ทำในสิ่งที่ผิดพลาดให้เกิดความเสื่อมเสีย จึงยัง ไม่มีความจำเป็นต้องบัญญัติพระวินัยในตอนนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสถึงกาลแห่งการบัญญัติสิกขาบทและแสดงปาฏิโมกข์ว่า จะกระทำเมื่อ “มีอาสวัฏฐานิยธรรม คือ ธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งอาสวะ เช่น การเสพเมถุน การ 1 พระวินัยปิฎก เล่ม ๑ มหาวิภังค์ ปฐมภาค ปฐมสมันตปาสาทิกาแปล, มก. เล่ม 1 หน้า 352 * พระวินัยปิฎก เล่ม ๑ มหาวิภังค์ ปฐมภาค ปฐมสมันตปาสาทิกาแปล มก. เล่ม 1 หน้า 352-353. บ ท ที่ 7 นิ ติ ศ า ส ต ร์ ในพระไตรปิฎก DOU 169
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More