ข้อความต้นฉบับในหน้า
วิวัฒนาการจึงเป็นทฤษฎีที่ศึกษาเรื่องวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตว่า มีความเป็นมาอย่างไร
มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายในปัจจุบันมีพัฒนาการมาจากอดีตอย่างไร
ชาร์ลส์ ดาร์วิน (ค.ศ.1800-1882) ได้ชื่อว่าเป็น “บิดาแห่งทฤษฎีวิวัฒนาการ”
เนื่องจากเป็นผู้ทำให้ทฤษฎีนี้เป็นที่ยอมรับของนักชีววิทยาและชาวโลกอย่างกว้างขวาง ดาร์วิน
เป็นนักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษ เขาได้แนวคิดเรื่องวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตหลังจากที่เขา
เดินทางไปกับเรือรบหลวงบีเกิ้ลในปี ค.ศ. 1831 (พ.ศ.2374) เพื่อสำรวจดินแดนหมู่เกาะ
กาลาปากอสซึ่งตั้งอยู่ 600 ไมล์ไปทางตะวันตกของประเทศเอควาดอร์ในอเมริกาใต้
จากการสำรวจครั้งนั้นดาร์วินพบว่า นกฟินส์หรือนกกระจอกที่อยู่บนเกาะแต่ละเกาะมี
ลักษณะแตกต่างกัน เขาจึงตั้งข้อสันนิษฐานว่า นกเหล่านี้อาจมีวิวัฒนาการมาจากนกชนิด
หนึ่งที่เป็นบรรพบุรุษและอาศัยอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ และสาเหตุสำคัญที่ทำให้ประชากรนกฟินส์
มีความแตกต่างกันนั้น เป็นผลจากสภาพภูมิศาสตร์ของแต่ละเกาะ
ประกอบกับ ดาร์วิน ได้อ่านบทความของ ทอมัส มัลทัส นักเศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษ
ที่บรรยายว่า การเพิ่มขึ้นของสิ่งมีชีวิตเป็นแบบเรขาคณิต (1, 2, 4, 8, 16,...) แต่ปริมาณ
อาหารเพิ่มขึ้นแบบเลขคณิต (1, 2, 3, 4, 5.) ดังนั้นสิ่งมีชีวิตจึงต้องมีการต่อสู้เพื่อให้ได้มา
ซึ่งทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด โดยตัวที่แข็งแรงและมีความเหมาะสมที่สุดในสภาวะแวดล้อม
ขณะนั้นจะสามารถมีชีวิตอยู่รอดได้ และถ่ายทอดลักษณะดังกล่าวไปยังลูกรุ่นต่อไป
ต่อมาดาร์วินและเพื่อนของเขาชื่อ อัลเฟรด รัสเซลล์ วอลเลซ ซึ่งมีความคิดเรื่อง
วิวัฒนาการดังกล่าวสอดคล้องกันได้ร่วมกันเสนอ “ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ” (The
Theory of Natural Selection) ที่สมาคมลินเนียน ประเทศอังกฤษ โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้
(1) การเพิ่มพูนเกินพอ (Overproduction) กล่าวคือ สิ่งมีชีวิตทั้งหลายมีความ
สามารถผลิตลูกได้มากกว่าที่จะมีชีวิตอยู่รอด
(2) ความแปรผัน (Variation) สมาชิกของสิ่งมีชีวิตมีความแปรผัน ซึ่งรวมไปถึงการ
แปรผันของรูปร่างหรือพฤติกรรม ความแปรผันอาจจะเรียกว่า “การผ่าเหล่า” ก็ได้
(3) การต่อสู้เพื่อความอยู่รอด (Struggle for existance)
(4) สิ่งมีชีวิตที่เหมาะสมที่สุดเท่านั้นจึงมีชีวิตอยู่รอด (Survival of fitness)
(5) ถ่ายทอดลักษณะที่ดีเด่น (Inheritance of superior traits)
54 DOU สรรพศาสตร์ ในพระไตรปิฎก