การบำบัดโรคด้วยน้ำปัสสาวะและการผ่าตัดในสมัยพุทธกาล GB 406 สรรพศาสตร์ในพระไตรปิฏก หน้า 357
หน้าที่ 357 / 373

สรุปเนื้อหา

การใช้ชีวิตและการรักษาโรคด้วยน้ำปัสสาวะมีประวัติความเป็นมายาวนาน โดยการใช้หลักพิษต้านพิษคล้ายกับเซรุ่มแก้พิษงู ในสมัยพุทธกาล แพทย์มีการผ่าตัดที่ถือว่าก้าวหน้าหมายถึงการพัฒนาการแพทย์ที่เริ่มมีการผ่าตัดเมื่อไม่นานมานี้ในไทย การผ่าตัดครั้งแรกเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 และความก้าวหน้าจากการผ่าตัดของหมอบรัดเลย์ การขับพิษในสมัยพุทธกาลเปรียบเทียบกับการแพทย์ปัจจุบันมีความหลากหลาย เช่น การหายใจ การขับเหงื่อ ปัสสาวะ และอุจจาระเป็นช่องทางในการขับพิษ.

หัวข้อประเด็น

-น้ำปัสสาวะบำบัดโรค
-การผ่าตัดในสมัยพุทธกาล
-การขับพิษในร่างกาย
-ความก้าวหน้าของการแพทย์

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ตนเองโดยดื่มก่อนนอนและดื่มตอนเช้าครั้งละ 100 ซี.ซี. การใช้น้ำปัสสาวะบำบัดโรคนั้น อธิบายได้ด้วย หลักพิษต้านพิษ เหมือนกับการทำเซรุ่มแก้พิษงู คือ จะฉีดพิษงูทีละน้อยๆ เข้า กระแสเลือดมาจนได้ซีรั่มหรือน้ำเหลืองม้าออกมาเพื่อทำเป็นเซรุ่มแก้พิษงู” สำหรับน้ำปัสสาวะ นั้นจะมีพิษอยู่จำนวนหนึ่งที่ร่างกายขับออกมา เมื่อเราดื่มเข้าไปใหม่พิษนั้นก็จะกลายเป็นเซรุ่ม ช่วยแก้พิษที่ยังมีอยู่ในร่างกายได้เป็นอย่างดี 3) การผ่าตัดในสมัยพุทธกาลกับการผ่าตัดในปัจจุบัน การที่ในสมัยพุทธกาลมีการผ่าตัดนั้นถือว่า วิชาการแพทย์มีความก้าวหน้ามากเพราะ ประวัติการผ่าตัดของการแพทย์แผนปัจจุบันโดยเฉพาะในประเทศไทยเพิ่งเริ่มขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ เอง กล่าวคือ การผ่าตัดครั้งแรกของไทยเกิดขึ้น ในวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ.2378 สมัยรัชกาลที่ 3 โดยได้มีการผ่าก้อนเนื้องอกที่หน้าผากของผู้ป่วยรายหนึ่งออก การผ่าตัดที่มีชื่อเสียงที่สุดซึ่งทำให้คนไทยทั่วไปรู้จักการผ่าตัด คือ การผ่าตัดของ หมอบรัดเลย์ หมอสอนศาสนาชาวอเมริกัน ในวันที่ 13 มกราคม พ.ศ.2379 ในวันนั้นหมอ บรัดเลย์ได้ทำการผ่าตัดโดยการตัดแขนของพระภิกษุรูปหนึ่งทิ้ง เพราะพระรูปนี้ได้รับบาดเจ็บ จากเหตุปืนใหญ่ระเบิดทำให้แขนเป็นแผลฉกรรจ์ จึงจำเป็นต้องตัดแขนทิ้งเพื่อรักษาชีวิตไว้ จะเห็นว่าการผ่าตัดในประเทศไทยเกิดขึ้นช้ากว่าถึงสองพันกว่าปีนอกจากนี้การผ่าตัดที่ ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกนั้นเป็นการผ่าตัดส่วนที่ยากและละเอียดอ่อน คือ ผ่าตัดสมองและ ผ่าตัดลำไส้ ส่วนการผ่าตัดครั้งแรกในประเทศไทยนั้นเป็นการผ่าตัดก้อนเนื้อที่หน้าผากและ ผ่าตัดมือซึ่งง่ายกว่ามากกว่าที่การแพทย์ในประเทศไทยจะพัฒนาจนถึงขั้นผ่าตัดสมองและลำไส้ ได้ก็ใช้เวลาอีกหลายปี 4) การขับพิษในสมัยพุทธกาลกับยุคปัจจุบัน หลักการแพทย์ในปัจจุบันทั้งการแพทย์แผนตะวันตกและแพทย์ทางเลือกกล่าวถึง การขับพิษของร่างกายไว้อย่างน้อย 4 ช่องทาง คือ การขับพิษทางการหายใจ การขับพิษทาง เหงื่อ การขับพิษทางปัสสาวะ และการขับพิษทางอุจจาระ แต่ละช่องทางมีรายละเอียดดังนี้ 4.1) การขับพิษทางการหายใจ จะอาศัยระบบการทำงานของปอดเป็นตัวขับพิษออก * ผู้จัดการ(2548). “สรรพคุณ ดื่มน้ำปัสสาวะ ทางเลือกบำบัดโรค” (ออนไลน์), * ดิ อโรคยา คลินิกการแพทย์แผนไทย (2551). “4 วิธีขับพิษออกจากร่างกาย” [ออนไลน์] และศูนย์พิษวิทยา (2551). “เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเป็นพิษเราจะอยู่ได้อย่างไร” [ออนไลน์] 346 DOU สรรพ ศ า ส ต ร์ ในพระไตรปิฎก
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More