ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประพฤติและการอยู่ร่วมกันของคณะสงฆ์มากว่า 2,500 ปี เป็นเสมือนหนึ่งรัฐธรรมนูญของ
คณะสงฆ์ ส่วนกติกาย่อยที่หมู่สงฆ์ในที่ใดที่หนึ่งกำหนดขึ้นนั้นก็สามารถมีได้ตามความเหมาะสม
ของยุคสมัยและสถานการณ์ แต่จะต้องไม่ขัดหรือแย้งกับพระวินัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรง
บัญญัติขึ้นเหมือนกฎหมายที่ต้องไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญฉันนั้น
พระวินัยอันเป็นพุทธบัญญัติทำให้ได้รับการยอมรับจากคณะสงฆ์ทั้งหมดนี้มีส่วน
สำคัญยิ่งต่อการสร้างเอกภาพในคณะสงฆ์มายาวนาน ลองคิดดูว่า หากพระพุทธองค์ทรง
อนุญาตให้ พระสาวกบัญญัติพระวินัยได้ สาวกยุคหลังซึ่งยังมีกิเลสอยู่และมีสติปัญญาไม่พออาจ
รู้เท่าไม่ถึงการณ์บัญญัติสิกขาบทที่ไม่ควรบัญญัติขึ้น รวมทั้งเพิกถอนสิกขาบทที่เป็นพุทธบัญญัติ
ต่าง ๆ เป็นเหตุให้พระพุทธศาสนาเสื่อมโดยเร็ว สิกขาบทที่ไม่ได้เป็นพุทธบัญญัตินั้นจะขาดความ
สมบูรณ์และศักดิ์สิทธิ์ คณะสงฆ์บางคณะที่ไม่ยอมรับจะทำให้เกิดความแตกแยก ต่างกับพุทธ
บัญญัติซึ่งแม้กาลเวลาจะผ่านมา 2,500 กว่าปีแล้วแต่ก็ยังคงความสมบูรณ์และศักดิ์สิทธิ์อยู่
พระสาวกยังช่วยกันรักษาไว้จนถึงปัจจุบัน
จุดเด่นอีกประการหนึ่งของพระวินัย คือ เน้นการควบคุมและตรวจสอบตนเอง กล่าวคือ
พระภิกษุที่ไปทำผิดพระวินัยเข้า ถือว่ามีความผิดต้องโทษนับตั้งแต่กระทำความผิด เช่น ไปเสพ
เมถุนเข้าก็จะอาบัติปาราชิกขาดจากความเป็นพระภิกษุทันที ไม่ว่าจะมีผู้อื่นรู้หรือไม่รู้ก็ตาม ใน
ขณะที่กฎหมายทางโลกจะต้องโทษก็ต่อเมื่อผู้ทำผิดถูกจับได้และถูกพิจารณาลงโทษแล้ว
7.2 ความเป็นมาของกฎหมายในพระไตรปิฏก
จากเนื้อหาในอัคคัญญสูตรในบทที่ 5 แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการของสังคมมนุษย์โดย
เฉพาะเรื่องการเมืองการปกครอง ซึ่งเกี่ยวข้องกับนิติศาสตร์หรือเรื่องกฎหมายด้วย ในยุคแรก
ที่มนุษย์บังเกิดขึ้นบนโลกนั้นยังไม่มีระเบียบกฎเกณฑ์ใดๆ เพราะมนุษย์ยุคนั้นมีบุญมากเพิ่งจุติ
ลงมาจากพรหมโลก รู้ว่าอะไรควรทำและอะไรไม่ควรทำ จึงอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข
เมื่อกาลเวลาผ่านไปยาวนาน มนุษย์ที่มีกิเลสมากเริ่มมาบังเกิดขึ้นประกอบกับ
สิ่งแวดล้อมบนโลกกระตุ้นให้กิเลสที่มีอยู่ในใจของแต่ละคนฟูขึ้น เป็นเหตุให้มีการทำอกุศล
กรรมต่าง ๆ ส่งผลให้สิ่งแวดล้อมเสื่อมและทำให้คนอื่น ๆ ในสังคมเดือดร้อน เมื่อเป็นเช่นนี้มนุษย์
เหล่านั้นจึงประชุมกันวางกฎระเบียบต่างๆ ขึ้น เช่น ปักปันเขตแดนที่ทำกินกัน ไม่ล่วงล้ำเขตแดน
ของกันและกัน มีการแต่งตั้งผู้ปกครองคือกษัตริย์ให้เป็นใหญ่ในที่ทำกินทั้งปวงให้ทำหน้าที่ตัดสิน
ลงโทษคนกระทำผิดกฎระเบียบที่หมู่คณะตกลงกันไว้ กฎระเบียบที่กล่าวมานี้ถือว่าเป็น
กฎหมายในสังคมมนุษย์ยุคแรกๆ ซึ่งต่อมาก็ค่อยๆ วิวัฒนาการมาตามลำดับ และมีกฎระเบียบ
บทที่ 7 นิ ติ ศ า ส ต ร์ ในพระไตรปิฎก DOU 163