ข้อความต้นฉบับในหน้า
(1) ปาราชิก แปลว่า ผู้พ่ายแพ้ พ่ายแพ้ในที่นี้คือ พ่ายแพ้ต่อเส้นทางของนักบวช
เพราะปาราชิกเป็นสิกขาบทหนัก ภิกษุใดล่วงละเมิดจะขาดจากความเป็นภิกษุทันที ไม่ว่าจะมี
ผู้อื่นรู้ หรือไม่รู้ก็ตาม แม้ยังครองผ้าเหลืองอยู่ก็ถือว่าไม่ได้เป็นพระภิกษุแล้ว แต่เป็นฆราวาสที่
เอาผ้าเหลืองมาห่อไว้เท่านั้น ดังนั้นผู้ที่ล่วงละเมิดสิกขาบทปาราชิกเข้าแล้ว จึงต้องลาสิกขา
ออกไป และจะไม่ได้รับอนุญาตให้บวชเป็นภิกษุอีก
การล่วงละเมิดหรือทำผิดสิกขาบทแต่ละข้อเรียกว่า “อาบัติ” หรือ “ต้องอาบัติ” ผู้ที่
ล่วงละเมิดสิกขาบทปาราชิกก็จะเรียกว่า “ต้องอาบัติปาราชิก” จะเห็นว่าสิกขาบทปาราชิกนั้นมีชื่อ
สิกขาบทกับชื่ออาบัติเหมือนกัน แต่บางสิกขาบท เช่น หมวดเสขิยวัตรซึ่งชื่อสิกขาบทกับชื่อ
อาบัติไม่เหมือนกัน กล่าวคือ หมวดเสขิยวัตรมีชื่ออาบัติว่า “ทุกกฏ
(2) สังฆาทิเสส แปลว่า สิกขาบทที่ต้องอาศัยสงฆ์ในกรรมเบื้องต้นและกรรมที่เหลือ
หมายความว่า เป็นสิกขาบทที่ภิกษุผู้ล่วงละเมิดเข้าแล้วจะต้องอาศัยสงฆ์ช่วยจัดการแก้ไขให้
สังฆาทิเสสนั้นมีโทษหนักรองลงมาจากปาราชิก ผู้ล่วงละเมิดไม่ถึงกับขาดจากความเป็นภิกษุ
ยังสามารถแก้ไขได้ ส่วนผู้ที่ต้องอาบัติปาราชิกไม่สามารถแก้ไขได้
ภิกษุใดต้องอาบัติสังฆาทิเสสจะแก้ไขด้วยการอยู่กรรม กล่าวคือ จะให้อยู่ในสถานที่
ที่แยกไว้สำหรับผู้ต้องอาบัติสังฆาทิเสสโดยเฉพาะ ไม่อยู่ปะปนกับภิกษุทั่วไป เพื่อให้ผู้ต้อง
อาบัติได้สำนึกผิดและสำรวมระวังต่อไป เมื่ออยู่กรรมจนครบกำหนดเวลาและผ่านขั้นตอนของ
การอยู่กรรมทุกอย่างแล้ว ก็สามารถกลับมาอยู่รวมกับภิกษุทั่วไปได้
ในปัจจุบันพระภิกษุจำนวนมากนิยมอยู่กรรมแม้ไม่ได้อาบัติสังฆาทิเสส หรือบางรูป
เพียงแค่สงสัยก็ขออยู่กรรมแล้ว ทั้งนี้เพื่อความบริสุทธิ์บริบูรณ์แห่งศีลของตน นอกจากนี้จะได้
มีเวลาศึกษาและปฏิบัติธรรมมากๆ ด้วย เพราะในระหว่างอยู่กรรม พระภิกษุรูปอื่นจะพยายาม
หลีกเลี่ยงไม่ไปรบกวน
สำหรับผู้ต้องอาบัติอื่น ๆ นอกเหนือจากปาราชิกและสังฆาทิเสสนั้น จะแก้ไขได้ด้วยการ
“ปลงอาบัติ” ซึ่งหมายถึง การเปิดเผยอาบัติของตนต่อภิกษุอื่นหรือต่อสงฆ์
(3) อนิยต แปลว่า ไม่แน่นอน หมายถึง สิกขาบทที่ไม่แน่นอนว่าภิกษุผู้ถูกกล่าวหา
จะถูกปรับว่าได้ทำผิดสิกขาบทข้อไหนในระหว่าง “ปาราชิก สังฆาทิเสสและปาจิตตีย์” หาก
เป็นทางโลกอนิยตเปรียบเหมือนกับคดีที่มีทางตัดสินลงโทษได้หลายระดับขึ้นอยู่กับพยาน
บุคคลที่เชื่อถือได้หรือผู้เห็นเหตุการณ์
บทที่ 7 นิติศาสตร์ในพระไตรปิฎก DOU 177