ข้อความต้นฉบับในหน้า
5.6 นิสัยปัจจัยสร้างกรรมอย่างต่อเนื่อง
นิสัย หมายถึง ความประพฤติที่เคยชินคนที่มีนิสัยอย่างไรก็จะทำอย่างนั้นบ่อยๆ เช่น
มีนิสัยรักการให้ทาน ก็จะให้ทานอยู่บ่อยๆ มีนิสัยชอบนินทาคนอื่น ก็จะนินทาคนอื่นอยู่บ่อยๆ
เป็นต้น นิสัยนั้นไม่ว่าจะเป็น “นิสัยดี” หรือ “นิสัยไม่ดี” หากเราไม่ปรับเปลี่ยนก็จะติดตัวเรา
ไปตลอดชีวิตและจะติดตัวข้ามชาติอีกด้วย ในบางครั้งเราจะได้ยินคำว่า “อุปนิสัย” ซึ่งหมายถึง
ความประพฤติที่เคยชินเป็นพื้นมาในสันดาน หรือติดตัวมาข้ามชาตินั่นเอง
ในพระไตรปิฎกมีตัวอย่างเรื่องอุปนิสัยที่ติดตัวมาข้ามชาติมากมายเช่นพระปิลินทวัจฉ
เถระ เป็นต้น แม้จะเป็นพระอรหันต์แล้วแต่ท่านยังพูดกับผู้อื่นด้วยคำว่า “เจ้าถ่อย” เสมอ ซึ่งเป็น
เพราะความเคยตัวที่ติดมาจากภพอื่น การสร้างบารมี 30 ทัศ ได้แก่ ทานบารมี เป็นต้นของ
พระโพธิสัตว์และพระสาวกก็เหมือนกัน ต้องทำจนเป็นนิสัยจนบารมีเต็มเปี่ยมจึงตรัสรู้ธรรมได้
5.6.1 ความสำคัญของนิสัย
นิสัยมีความสำคัญตรงที่เป็นเหตุให้เราสร้างกรรมบางอย่างอยู่เป็นประจำหรือต่อเนื่อง
กล่าวคือ ถ้ามีนิสัยดีก็จะสร้างกรรมดีอยู่เป็นประจำถ้ามีนิสัยไม่ดีก็จะสร้างกรรมชั่วอยู่เป็นประจำ
ผลที่เกิดขึ้นคือ หากเรามีนิสัยที่ดีเราก็จะทำกรรมดีอย่างต่อเนื่องและจะได้บุญเพิ่มขึ้นอย่าง
ต่อเนื่องเช่นกัน แต่ถ้าเรามีนิสัยไม่ดีเราก็จะทำกรรมชั่วอย่างต่อเนื่องและจะได้บาปเพิ่มขึ้น
อย่างต่อเนื่องด้วย
พระเดชพระคุณพระภาวนาวิริยคุณ หรือ หลวงพ่อทัตตชีโว กล่าวไว้ว่า “นิสัยสำคัญกว่า
ความรู้” ซึ่งสอดคล้องกับคำกล่าวที่ว่า “ความรู้ท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอด” และ “ดีชั่วรู้หมดแต่อด
ไม่ได้” กล่าวคือ แม้เราจะมีความรู้มากทั้งความรู้ทางโลกและทางธรรม แต่ถ้าเราไม่ปรับปรุงนิสัย
ให้ดี เราเองก็จะทำชั่วอยู่เรื่อยๆ ตามนิสัยไม่ดีของเรา เหมือนคนที่มีนิสัยชอบดูดบุหรี่ ชอบ
เที่ยวและใช้บริการหญิงโสเภณี เขาก็รู้อยู่เต็มอกว่าตนเองอาจเป็นโรคร้ายจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
เพราะสิ่งเหล่านี้ ถึงกระนั้นเขาก็ยังทำสิ่งนั้นอยู่เป็นประจำ บุหรี่และสถานบริการทางเพศจึง
เป็นธุรกิจที่ยังทำกำไรได้มากในเกือบทุกประเทศ ในขณะเดียวกันผู้ติดเชื้อเอดส์และเป็นโรค
ระบบทางเดินหายใจก็เพิ่มขึ้นทั่วโลกเช่นกัน
1 ราชบัณฑิตยสถาน (2525) “พจนานุกรม (ฉบับอิเล็กทรอนิกส์).”
* มโนรถปูรณี, อรรถกถาอังคุตตรนิกาย เอกนิบาต, มก. เล่ม 32 หน้า 428.
106 DOU สรรพศาสตร์ ในพระไตรปิฎก