สิกขาบทและพุทธบัญญัติ GB 406 สรรพศาสตร์ในพระไตรปิฏก หน้า 191
หน้าที่ 191 / 373

สรุปเนื้อหา

เนื้อหาวิเคราะห์ถึงลักษณะของสิกขาบทในพระพุทธศาสนาที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติ ไม่ได้เกิดจากมติคณะสงฆ์ และไม่เป็นไปตามระบบประชุมปรึกษาหารือเหมือนกฎหมายในทางโลก การเริ่มต้นนี้มาจากความรู้แจ้งโลกของพระองค์เท่านั้น และวิธีปฏิบัติที่พระภิกษุและภิกษุณีต้องปฏิบัติตามพระวินัยที่บัญญัติไว้โดยไม่อนุญาตให้มีการเปลี่ยนแปลงหรือบัญญัติสิ่งใหม่ นอกจากนี้ยังกล่าวถึงความแตกต่างระหว่างกฎหมายทางโลกที่ต้องใช้การระดมความคิด และการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว

หัวข้อประเด็น

-สิกขาบท
-พุทธบัญญัติ
-พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
-พระธรรมคำสอน
-ความแตกต่างกับกฎหมายทางโลก

ข้อความต้นฉบับในหน้า

7.8 สิกขาบทเป็นพุทธบัญญัติมิใช่มติคณะสงฆ์ จากตัวอย่างการบัญญัติปาราชิกสิกขาบทที่ 1 ข้างต้นจะเห็นว่า ปาราชิกสิกขาบทที่ 1 ก็ดี หรือสิกขาบททุกข้อของภิกษุและภิกษุณีนั้นเป็นพุทธบัญญัติทั้งสิ้น กล่าวคือ พระสัมมาสัม พุทธเจ้าเป็นผู้ทรงบัญญัติ ไม่ได้เป็นมติคณะสงฆ์ ไม่ได้เกิดจากการประชุมปรึกษาหารือกับ คณะสงฆ์ว่า ควรจะบัญญัติสิกขาบทข้อไหน อย่างไร ระดับของโทษของแต่ละสิกขาบทเป็นอย่างไร สิกขาบทข้อไหนมีโทษหนัก สิกขาบทข้อไหนควรจะมีโทษเบา เป็นต้น ทุกอย่างที่กล่าวมานี้เป็น พุทธบัญญัติทั้งสิ้นการที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเรียกประชุมสงฆ์นั้นเป็นเพียงการแจ้งให้สงฆ์ทราบ เท่านั้นว่ามีเหตุเกิดขึ้น และพระองค์ทรงบัญญัติสิกขาบทข้อนั้น ๆ อย่างไร พระภิกษุและ ภิกษุ ณีเมื่อรับทราบแล้วจะได้ศึกษาและนำไปปฏิบัติ การจะทำอย่างนี้ได้ผู้บัญญัติพระวินัยจะต้องเป็นผู้รู้แจ้งโลก คือต้องเป็นพระสัมมา สัมพุทธเจ้าเท่านั้น บุคคลอื่นแม้เป็นพระอรหันต์ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะแม้จะหมดกิเลสแล้ว แต่ยังไม่ได้เป็นสัพพัญญูรู้แจ้งโลกเหมือนพระพุทธองค์ ส่วนกฎหมายทางโลกนั้นเนื่องจากผู้ร่าง ยังไม่หมดกิเลส และความรู้ยังไม่สมบูรณ์จึงต้องอาศัย การระดมความคิด ตัดสินด้วยเสียงส่วน ใหญ่ และมีการปรับปรุงแก้ไขเป็นระยะๆ ในอปริหานิยธรรมพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้อย่างชัดเจนว่า “ไม่ให้บัญญัติสิ่งที่ ตถาคตมิได้บัญญัติไว้..... ไม่ให้เพิกถอนสิ่งที่ตถาคตบัญญัติไว้แล้ว ให้สมาทานประพฤติอยู่ใน สิกขาบททั้งหลายตามที่ตถาคตบัญญัติไว้แล้ว” แม้ในส่วนของพระธรรมคำสอน พระสัมมาสัม พุทธเจ้าก็เป็นต้นแหล่งแห่งคำสอนทั้งมวลในพระพุทธศาสนา คำสอนหลักที่สำคัญ เช่น ความ ไม่ประมาท, อริยสัจ 4, มรรคมีองค์ 8, ไตรสิกขา เป็นต้น ล้วนมาจากพระองค์ทั้งสิ้น พระสาวก ทำหน้าที่เพียงอธิบายขยายความคำสอนของพระองค์เท่านั้น การที่สิกขาบทของพระภิกษุและภิกษุณีทุกข้อเป็นพุทธบัญญัตินั้น เป็นข้อแตกต่างที่ สำคัญกับการบัญญัติกฎหมายในทางโลก เพราะกฎหมายทางโลกเกิดจากการประชุมระดม ความคิดของนักกฎหมาย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา เป็นต้น ไม่ได้เกิดจาก ความคิดของใครคนใดคนหนึ่งเพียงผู้เดียว หากถามว่า เหตุใดสิกขาบทต้องเป็นพุทธบัญญัติเท่านั้น และเหตุใดพระธรรมคำสอน ในพระพุทธศาสนาทั้งหมดต้องมาจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น เหตุใดพระ สัมมาสัมพุทธเจ้าจึงไม่อนุญาตให้ภิกษุหรือภิกษุณีบัญญัติสิ่งที่พระองค์มิได้บัญญัติไว้บ้าง มหาปรินิพพานสูตร, ทีฆนิกาย มหาวรรค, มก. เล่ม 13 ข้อ 70 หน้า 240. 180 DOU สรรพศาสตร์ ในพระไตรปิฎก
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More