ข้อความต้นฉบับในหน้า
เส้น เส้นหนึ่งซึ่งจากสะดือทะลุหลัง เส้นที่สองจึงจากด้านขวาทะลุด้านซ้ายของลำตัว ดึงให้ตึง
ให้เส้นด้ายทั้งสองตัดกันเป็นกากบาท ตรงจุดกันนั้นเรียกว่า กลางก๊ก ณ ตรงนั้นมีดวงธรรมอยู่
ดวงหนึ่ง เรียกว่าดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ หรือดวงมนุษยธรรม มีลักษณะใสบริสุทธิ์
เท่าฟองไข่แดงไก่ ใสแบบกระจก ขาวก็แบบกระจกคันฉ่องส่องเงาหน้า
ใจของเราจะอยู่ในกลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์นั้น กล่าวคือ ดวงธรรมนั้นแหละ
เป็นที่ตั้งของเห็น ของจำ ของคิด ของรู้ ดวงเห็นก็อยู่ในกลางดวงนั้น ดวงจำก็อยู่ในกลางดวงนั้น
แต่อยู่ข้างในดวงเห็น ดวงคิดก็อยู่ในกลางดวงนั้น แต่ว่าอยู่ข้างในดวงจำ ดวงรู้ก็อยู่ข้างในกลาง
ดวงนั้น แต่ว่าอยู่ในกลางของดวงคิดอีกทีหนึ่ง
เมื่อใจแยกกันคือไม่ซ้อนเป็นจุดเดียวกัน หลวงปู่วัดปากน้ำกล่าวไว้ว่า “เห็นน่ะดวงมันอยู่
ศูนย์กลางกาย (ฐานที่ 6) จำน่ะดวงมันอยู่ศูนย์กลางเนื้อหัวใจ มันย่อมกว่าดวงเห็นลงมาหน่อย
คิดน่ะอยู่ในกลางดวงจำ นั่นย่อมลงมาหน่อย รู้น่ะอยู่ในกลางดวงคิด นั่นย่อมลงมาเท่าดวงตา
ดำข้างใน นั่นมีหน้าที่รู้...”
2
แต่ในเวลาฝึกสมาธิจะต้องรวมใจมาหยุดนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ซึ่งอยู่เหนือสะดือ
ขึ้นมา 2 นิ้วมือ กล่าวคือ อยู่เหนือกลางถูกอันเป็นจุดตัดของเส้นด้ายที่กล่าวมาข้างต้น 2 นิ้วมือ
เพราะศูนย์กลางกายฐานที่ 7 นี้เป็นประตูสู่การบรรลุมรรคผลนิพพานดังที่หลวงปู่วัดปากน้ำกล่าว
ไว้ว่า “ศูนย์นั้นเป็นสำคัญนัก จะเกิดมาในมนุษย์โลก ก็ต้องเกิดที่ศูนย์นั้น จะไปนิพพานก็ต้องเข้า
ศูนย์นั้นไปเหมือนกัน แบบเดียวกัน” พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายในอดีตก็
นำใจมารวมหยุดอยู่ในตำแหน่งนี้แหละจึงสามารถตรัสรู้ธรรมได้
5.4 ความสำคัญและธรรมชาติของใจ
นักศึกษาคงจะทราบกันดีว่าใจนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะเป็นศูนย์กลางการบังคับ
บัญชาความคิดคำพูด และการกระทำของมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย จะคิดดี พูดดี ทำดี หรือคิด
ชั่ว พูดชั่ว ทำชั่วขึ้นอยู่กับการสั่งการของใจทั้งสิ้นดังคำพูดที่ว่า “ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว”
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสถึงความสำคัญของใจไว้ว่า
มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา มโนเสฏฐา มโนมยา : ธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นหัวหน้า มีใจ
เป็นใหญ่ สำเร็จแล้วด้วยใจ, มนสา เจ ปสนฺเนน ภาสติ วา กโรติ วา : ถ้าบุคคลมีใจผ่องใสแล้ว
พูดอยู่ก็ดี ทำอยู่ก็ดี, ตโต น์ สุขมเนวติ ฉายาว อนุปานี : ความสุขย่อมไปตามเขาเพราะเหตุนั้น
96 DOU สรรพ ศ า ส ต ร์ ในพระไตรปิฎก