ข้อความต้นฉบับในหน้า
ในขณะเดียวกันเมื่อวิทยาศาสตร์สั่งสมความรู้และประสบการณ์ไปมากเข้า ก็สามารถ
ค้นพบสัจธรรมบางประการในธรรมชาติได้เช่นเดียวกัน แม้จะต้องลองถูกลองผิดมานับครั้ง
ไม่ถ้วนแล้วก็ตาม ซึ่งสัจธรรมที่นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบนั้นก็มีอยู่หลายประการที่ปรากฏ
อยู่ในพระไตรปิฎก ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้กว่า 2,500 ปีมาแล้ว
10.2 เจตคติต่อความรู้ในพระไตรปิฎก
เจตคติต่อความรู้ที่สำคัญในพระไตรปิฎกซึ่งสอดคล้องกับวิทยาศาสตร์ คือ อย่าด่วน
เชื่ออะไรง่าย ๆ โดยที่ยังไม่ได้พิสูจน์ด้วยตนเอง โดยสมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จจาริกไป
ในแคว้นโกศล พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ เมื่อเสด็จถึงตำบลของพวกกาลามะ ชื่อว่าเกสปุตต
นิคม พวกกาลามะได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าและได้กราบทูลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ มีสมณพราหมณ์พวกหนึ่งมายังเกสปุตตนิคม ได้ประกาศว่า
ลัทธิของตนเท่านั้นที่น่าเชื่
นที่น่าเชื่อถือ และได้กระทบกระเทียบ ดูหมิ่น ลัทธิของผู้อื่นว่าไม่น่าเชื่อถือ
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ มีสมณพราหมณ์อีกพวกหนึ่งมายังเกสปุตตนิคม ได้ประกาศว่า
ลัทธิของตนเท่านั้นที่น่าเชื่อถือ และได้กระทบกระเทียบ ดูหมิ่น ลัทธิของผู้อื่นว่าไม่น่าเชื่อถือ
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ทั้งหลายมีความสงสัยลังเลใจในสมณพราหมณ์เหล่า
นั้นว่า “บรรดาสมณพราหมณ์เหล่านั้น ใครพูดจริง ใครพูดเท็จ”
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ก็สมควรที่ท่านทั้งหลายจะสงสัย สมควรที่จะลังเลใจ ท่านทั้ง
หลายเกิดความสงสัยลังเลใจในสิ่งที่ควรสงสัย จากนั้นพระพุทธองค์ได้ให้หลักอันเป็นเจตคติต่อ
ความรู้ต่าง ๆ ที่ได้ยินได้ฟังหรือได้ศึกษาไว้ 10 ประการ คือ
1) อย่าปลงใจเชื่อด้วยการฟังตามกันมา
2) อย่าปลงใจเชื่อด้วยการถือสืบ ๆ กันมา
3) อย่าปลงใจเชื่อด้วยการเล่าลือ
4) อย่าปลงใจเชื่อด้วยการอ้างตำราหรือคัมภีร์
5) อย่าปลงใจเชื่อเพราะตรรกะ คือ การคิดเอาเอง
6) อย่าปลงใจเชื่อเพราะการอนุมาน คือ คาดคะเนตามหลักเหตุผล
7) อย่าปลงใจเชื่อด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล
บทที่ 1 0 วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ ในพระไตรปิฎก DOU 279