ข้อความต้นฉบับในหน้า
ตั้งภาษีอากร หรือไม่กำหนดอาชญา คือบทลงโทษที่ไม่เคยมีมาก่อน หรือ เมื่อราชบุรุษจับ
ผู้ต้องสงสัยว่าเป็นโจรมาแสดงแก่เจ้าลิจฉวี ๆ ก็ไม่สั่งลงโทษเสียเองโดยไม่ผ่านการสอบสวน
ตามกระบวนการสวบสวนคดีความดั้งเดิม
การสอบสวนคดีความตามวัชชีธรรมโบราณนั้น มีการแบ่งเป็นฝ่าย ๆ อย่างชัดเจน ไม่มี
การก้าวก่ายงานกัน งานของฝ่ายใดมีหน้าที่แค่ไหนก็ทำแค่นั้น เมื่อหมดหน้าที่แล้วก็ส่งงานให้
ฝ่ายอื่นทำต่อไปดังนี้
เมื่อมีเจ้าหน้าที่นำผู้ต้องสงสัยว่าเป็น “โจร” มาแสดงแก่เจ้าวัชชีๆ ก็จะไม่ตัดสินคดีเอง
แต่จะมอบให้มหาอำมาตย์ฝ่ายสอบสวนเป็นผู้สอบสวน เมื่อฝ่ายอำมาตย์เหล่านั้นสอบสวนแล้ว
ทราบว่าไม่ใช่โจรก็ปล่อยไป แต่ถ้าเป็นโจรก็ไม่พูดอะไรๆ ด้วยตนเอง แล้วมอบให้มหาอำมาตย์
ฝ่ายผู้พิพากษา เมื่อมหาอำมาตย์ผู้พิพากษาวินิจฉัยแล้ว ถ้าไม่ใช่โจรก็ปล่อยตัวไป ถ้าเป็นโจรก็
มอบให้แก่มหาอำมาตย์ฝ่ายที่ชื่อว่า ลูกขุน
เมื่อลูกขุนเหล่านั้นวินิจฉัยแล้ว หากไม่ใช่โจรก็ปล่อยตัวไป หากเป็นโจร ก็มอบให้มหา
อำมาตย์ 8 ตระกูล มหาอำมาตย์ 8 ตระกูลนั้น ก็กระทำอย่างนั้นเหมือนกัน แล้วมอบให้เสนาบดี
เสนาบดีก็มอบให้แก่อุปราช อุปราชก็มอบถวายแด่พระราชา พระราชาวินิจฉัยแล้วหากทราบ
ว่าไม่ใช่โจรก็ปล่อยตัวไป หากว่าเป็นโจร ก็จะโปรดให้เจ้าหน้าที่อ่านคัมภีร์ กฎหมายประเพณี
ในคัมภีร์กฎหมายประเพณีนั้นเขียนไว้ว่า ผู้ใดทำความผิดชื่อนี้ ผู้นั้นจะต้องมีโทษชื่อนี้
พระราชาก็ทรงนำการกระทำของผู้นั้น มาเทียบกับตัวบทกฎหมายนั้นแล้ว ทรงลงโทษตาม
สมควรแก่ความผิดนั้น ดังนั้น เมื่อพวกเจ้ายึดถือวัชชีธรรมโบราณอย่างนี้ ผู้คนทั้งหลายย่อมไม่
ติเตียน โทษจะไม่เกิดขึ้นแก่เจ้าวัชชีทั้งหลาย มีแต่ความเจริญอย่างเดียวเท่านั้น
อปริหานิยธรรมนั้น ไม่จำกัดไว้สำหรับใช้ในการปกครองแบบคณะบุคคลเท่านั้น แต่
สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการปกครองโดยระบอบกษัตริย์ได้ด้วย เพราะกษัตริย์เองแม้จะมี
อำนาจในการปกครองแบบเบ็ดเสร็จ แต่ก็ต้องหมั่นประชุมเหล่าอำมาตย์ราชบริพารเช่นกัน ทุก
คนต้องพร้อมเพรียงกันทำกิจต่าง ๆ เช่นกัน บ้านเมืองจึงจะเจริญรุ่งเรือง ในขณะเดียวกัน
ทศพิธราชธรรม ฯลฯ นั้น เจ้าวัชชีทั้งหลายก็ควรนำไปปฏิบัติด้วย เพื่อส่งเสริมให้คุณธรรม
ของคณะผู้ปกครองประเทศงดงามยิ่งขึ้น
1 สุมังคลวิลาสินี, อรรถกถาทีฆนิกาย มหาวรรค, มก. เล่ม 13 หน้า 340.
สุมังคลวิลาสินี, อรรถกถาทีฆนิกาย มหาวรรค, มก. เล่ม 13 หน้า 341-342.
บทที่ 6 รัฐ ศ า ส ต ร์ ในพระไตรปิฎก DOU 133