ข้อความต้นฉบับในหน้า
จิตใจกับสมองนั้นเป็นคนละอย่างกัน หากเปรียบแล้วสมองเป็นเหมือน Computer
ส่วนใจเป็นเหมือน User สมองเป็นเหมือนหน้าตา คอยเป็นเครื่องมือของใจในการสั่งการส่วน
ต่าง ๆ ของร่างกาย ปัจจุบันยังมีนักวิทยาศาสตร์จำนวนไม่น้อยที่ เชื่อว่า จิตใจกับสมองเป็น
อย่างเดียวกัน คำอธิบายที่เข้าใจได้ง่าย ๆ ที่ยืนยันว่า จิตใจเป็นคนละอย่างกับสมองคือ ในทาง
วิทยาศาสตร์กล่าวว่า วงจรของการมองเห็นวัตถุเกิดจาก มีแสงไปกระทบวัตถุแล้วสะท้อนเข้า
ตาของเรา จากนั้นแสงก็จะถูกแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าแล้วถูกส่งไปที่สมองเพื่อรับภาพนั้นและ
ทำให้เกิดการเห็นภาพ ในทางวิทยาศาสตร์เชื่อว่าวงจรการมองเห็นจบแค่นั้น
แต่ในทางพุทธศาสตร์กล่าวว่า สัญญาณภาพจากสมองยังต้องเดินทางไปที่ใจซึ่งตั้งอยู่
ณ ศูนย์กลางกาย ฐานที่ 7 ก่อน จึงจะครบวงจรและเกิดการเห็นภาพได้ ถ้าหากไม่ส่งไปที่ใจก็
จะไม่เกิดการเห็นภาพ ประเด็นนี้ให้นักศึกษานึกถึงในบางครั้งที่ตัวเราเองกำลังมองไปในที่แห่ง
ใดแห่งหนึ่งอยู่ และในขณะนั้นใจของเราก็ลอยคิดถึงเรื่องอื่นอยู่ เราก็จะไม่เห็นภาพที่เรากำลัง
มองอยู่นั้นหรือถึงเห็นก็ดูไม่รู้เรื่อง เพราะวงจรการมองเห็นไม่ครบ เนื่องจากใจเปิดช่องรับเรื่อง
อื่นอยู่ หรือกรณีเห็นแต่ไม่รู้เรื่องก็เพราะใจถูกแบ่งออกไปทำงานอื่นจึงทำให้การมองเห็นไม่
สมบูรณ์ แม้ในตอนนั้นแสงเดินทางจากวัตถุมาเข้าตาและถูกแปลงเป็นสัญญาณส่งไปยังสมอง
ก็ตาม
วงจรของการที่แสงส่องไปที่วัตถุแล้วสะท้อนมาเข้าตาเรา ประสาทตาจะเปลี่ยนคลื่น
แสงให้เป็นพลังงานไฟฟ้า พลังงานนั้นจะถูกส่งไปตามเส้นประสาทเข้าสู่สมอง กระบวนการ
ทั้งหมดนี้ในทางพุทธศาสนาจึงไม่จัดเป็นปรากฏการณ์ของจิตใจ หากแต่เป็นปรากฏการณ์ทาง
สมอง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ดำเนินไปตามกฎพีชนิยาม ไม่ใช่จิตตนิยาม เปรียบเสมือน
เมื่อเราถ่ายรูป แสงกระทบเข้าที่ตัวเราแล้วสะท้อนผ่านเลนส์เข้าสู่ฟิล์ม ไม่มีใครคิดว่ากล้องถ่าย
รูปนี้มองเห็นสิ่งที่มันถ่าย เลนส์ถ่ายรูปก็เหมือนตามนุษย์ ฟิล์มเทียบได้กับสมอง แสงจากวัตถุ
ผ่าน เลนส์แล้วไปสิ้นสุดที่สมอง หากเราคิดว่าสมองสามารถเห็นสิ่งต่างๆ ได้ เราก็น่าจะเชื่อว่า
ฟิล์มถ่ายรูปนั้นมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้เหมือนกัน
นักฟิสิกส์วิเคราะห์องค์ประกอบของคนแล้วไปสิ้นสุดลงที่อนุภาคพื้นฐาน เช่น
อิเล็กตรอน โปรตรอน นิวตรอน นักชีววิทยาวิเคราะห์องค์ประกอบของมนุษย์ไปสิ้นสุดลงที่
เซลล์และจีโนม นักเคมีวิเคราะห์องค์ประกอบของมนุษย์แล้วไปสิ้นสุดลงที่ธาตุไม่กี่ชนิด ข้อ
สรุปเหล่านี้ยิ่งทำให้นักวิทยาศาสตร์เหล่านั้นงุนงงหนักไปยิ่งขึ้น เพราะไม่อาจตอบตนเองได้ว่า
กลุ่มอนุภาคเหล่านี้ กลุ่มเซลล์เหล่านี้ กลุ่มธาตุเหล่านี้ ร้องไห้ หัวเราะ ดีใจ เสียใจ มีความอ่อน
บทที่ 1 0 วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ ในพระไตรปิฎก DOU 299