ข้อความต้นฉบับในหน้า
(4) นิสสัคคิยปาจิตตีย์ คำว่า “นิสสัคคิยะ” แปลว่า “ทำให้สละสิ่งของ” ส่วนคำว่า
“ปาจิตตีย์” แปลว่า “การล่วงละเมิดอันทำให้กุศลธรรมคือความดีตกไป” นิสสัคคิยปาจิตตีย์ จึง
หมายถึง สิกขาบทที่ภิกษุใดล่วงละเมิดเข้าแล้วจะต้องสละสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับสิกขาบทข้อนั้นๆ
เช่น ไตรจีวร เป็นต้น เมื่อสละแล้วจึงสามารถแก้ไขได้ด้วยการปลงอาบัติได้
(5) ปาจิตตีย์ เป็นสิกขาบทที่ไม่มีเงื่อนไขให้ต้องสละสิ่งของ เมื่อล่วงละเมิดแล้ว
สามารถแก้ไขด้วยการปลงอาบัติได้เลย
(6) ปาฏิเทสนียะ แปลว่า จะพึงแสดงคืน เป็นสิกขาบทที่ภิกษุรูปใดต้องอาบัติแล้วจะ
แก้ไขด้วยการแสดงคืนว่า “ท่านทั้งหลาย กระผมต้องธรรมคือ ปาฏิเทสนียะ เป็นธรรมที่น่าตำหนิ
ไม่เป็นสัปปายะ กระผมขอแสดงคืนธรรมนั้น” การแสดงคืนนี้เป็นการปลงอาบัติอย่างหนึ่ง
(7) เสขิยวัตร แปลว่า วัตรที่พระภิกษุพึงศึกษา ซึ่งเป็นวัตรปฏิบัติเกี่ยวกับมารยาทอันดี
งามต่าง ๆ ได้แก่ นุ่งห่มจีวรให้เรียบร้อย การฉันให้เรียบร้อย การแสดงธรรม และเบ็ดเตล็ดอื่นๆ
ภิกษุที่กระทำผิดพลาดเมื่อตั้งใจว่าจะศึกษาปรับปรุงให้ดีขึ้นก็ถือว่าพ้นจากอาบัตินั้น
(8) อธิกรณสมถะ แปลว่า ธรรมเครื่องระงับอธิกรณ์ เป็นวิธีการระงับอธิกรณ์หรือ
คดีความที่เกิดขึ้นให้สงบเรียบร้อย ซึ่งจะอธิบายโดยละเอียดใน หัวข้อ 7.10 อธิกรณ์ใน
พระไตรปิฎก และ หัวข้อ 7.1.1 อธิกรณสมถะธรรมเครื่องระงับอธิกรณ์”
7.7 ตัวอย่างสิกขาบทในพระปาฏิโมกข์
สิกขาบทในพระปาฏิโมกข์มีทั้งหมด 8 หมวด 227 สิกขาบท ในที่นี้จะยกตัวอย่างเพียง
2 หมวดคือ ปาราชิก และ สังฆาทิเสส เพื่อให้นักศึกษาได้ทราบพอสังเขปว่า สิกขาบทแต่ละข้อ
ของพระภิกษุนั้นมีเนื้อหาเป็นอย่างไร
หมวดปาราชิก 4 สิกขาบท
1) ภิกษุใดเสพเมถุนธรรมโดยที่สุดแม้ในสัตว์ดิรัจฉานตัวเมีย ต้องอาบัติปาราชิก
2) ภิกษุใดลักขโมยทรัพย์ที่มีราคาตั้งแต่ 5 มาสกขึ้นไป ต้องอาบัติปาราชิก
3) ภิกษุใดจงใจฆ่ามนุษย์ตาย หรือพรรณนาคุณแห่งความตายจนผู้อื่นคล้อยตาม
แล้วฆ่าตัวตาย ต้องอาบัติปาราชิก
4) ภิกษุใดกล่าวอวดคุณวิเศษที่ไม่มีในตนหากผู้ฟังเข้าใจ ต้องอาบัติปาราชิกยกเว้นภิกษุ
นั้นสำคัญผิดว่าตนมีคุณวิเศษ
178 DOU สรรพ ศ า ส ต ร์ ในพระไตรปิฎก