การรักษาโรคในพระพุทธศาสนา GB 406 สรรพศาสตร์ในพระไตรปิฏก หน้า 346
หน้าที่ 346 / 373

สรุปเนื้อหา

เนื้อหาเกี่ยวกับวิธีการรักษาโรคตามที่พระผู้มีพระภาคเจ้าสั่ง รวมถึงการใช้สมุนไพรและการรักษาแบบดั้งเดิม เช่น โรคปวดศีรษะที่รักษาด้วยน้ำมัน และการใช้ยาอื่นๆในการรักษาอาการต่างๆในภิกษุ รูปแบบของการรักษานี้มีรากฐานจากความเชื่อและความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติและสุขภาพในยุคนั้น ในแต่ละกรณี พระผู้มีพระภาคเจ้ามักจะมีวิธีที่แตกต่างกันในการรักษา เช่น การใช้ดินที่ติดผาลไถ การดื่มน้ำด่าง และการใช้น้ำมันสำหรับรักษาอาการที่แตกต่างกัน เช่น โรคท้องผูกและโรคผิวหนัง การศึกษาวิธีเหล่านี้ช่วยให้เราเข้าใจถึงแนวทางการรักษาในสมัยพุทธกาล

หัวข้อประเด็น

-การรักษาโรคปวดศีรษะ
-ยาเสน่ห์ในพระพุทธศาสนา
-การใช้สมุนไพรในการรักษา
-แพทยศาสตร์ในสมัยพุทธกาล
-การรักษาโรคผิวหนัง

ข้อความต้นฉบับในหน้า

วันหนึ่งพระปิลินทวัจฉะปวดศีรษะ พระผู้มีพระภาคจึงให้รักษาด้วยการเอาน้ำมันทา ศีรษะ แต่โรคปวดศีรษะยังไม่หาย พระพุทธองค์จึงให้รักษาด้วยการนัตถุ์ โรคปวดศีรษะก็ยังไม่ หาย พระผู้มีพระภาคจึงให้รักษาด้วยการ “สูดควันที่เป็นยา” เพื่อให้ควันเข้าไประงับความปวด 1.4) วิธีการรักษาโรคเบ็ดเตล็ด ภิกษุรูปหนึ่งอาพาธถูกยาแฝด พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงให้รักษาด้วยการดื่มน้ำที่ละลาย จากดินที่ติดผาลไถ อาพาธถูกยาแฝด แปลมาจากบาลีว่า “ฆรทินนาพาโธ” หมายถึงโรคที่เกิดขึ้น เพราะน้ำหรือยาที่หญิงให้ เมื่อดื่มกินเข้าไปแล้วจะตกอยู่ในอำนาจของหญิงนั้น ภาษาใน ปัจจุบันเรียกว่า “ยาเสน่ห์” คำว่า “ผาล” หมายถึง เหล็กสำหรับใช้เป็นอุปกรณ์ไถดิน เช่น ไถดินในที่นาเพื่อปลูก ข้าวเป็นต้น ดินที่ติดผาลไถ จึงเป็นดินที่ติดอยู่กับผาลในขณะทำการไถ แต่ทั้งนี้ก็ไม่มีคำอธิบายว่า ดินที่ติดผาลไถนั้นช่วยแก้ยาเสน่ห์ได้อย่างไร ภิกษุอีกรูปหนึ่งอาพาธเป็นโรคท้องผูกพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงให้รักษาด้วยการดื่มน้ำด่าง น้ำด่าง คือน้ำที่ได้จากการแช่วัตถุที่ใช้ทำยา เช่น เกลือ ขี้เถ้า ขี้วัว เป็นต้น ปกติน้ำด่างที่ได้จาก เกลือ ขี้เถ้า และขี้วัวเหล่านี้คนในสมัยพุทธกาลจะใช้สำหรับซักผ้าเพราะจะช่วยกัดสิ่งสกปรกให้ หลุดออกได้ สำหรับการใช้รักษาโรคท้องผูกนั้นเข้าใจว่า มีจุดประสงค์เพื่อให้น้ำด่างช่วยกัด ก้อนอุจจาระที่จับตัวกันแข็งให้อ่อนลงจะได้ขับถ่ายได้สะดวกขึ้น ภิกษุอีกรูปหนึ่งอาพาธเป็นโรคผอมเหลือง พระผู้มีพระภาคจึงให้รักษาด้วยการ “ดื่ม ยาผลสมอดองน้ำมูตรโค” และโรคผอมเหลืองนี้ยังสามารถรักษาด้วย “เนยใส” ได้เช่นกัน เช่น ครั้งหนึ่งพระเจ้าจัณฑปัชโชติทรงพระประชวรด้วยโรคผอมเหลือง หมอชีวกโกมารภัจจ์จึงนำ เนยใสมาปรุงเป็นยารักษาพระองค์จนหาย ภิกษุอีกรูปหนึ่งอาพาธเป็นโรคผิวหนัง พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงให้รักษาด้วยการ “ลูบไล้ ด้วยของหอม” น่าจะคล้ายๆ กับการทาแป้งป้องกันความชื้นอันเป็นเหตุแห่งโรคผิวหนังในปัจจุบัน ภิกษุอีกรูปหนึ่งอาพาธมีผดผื่นขึ้นตามตัว พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงให้รักษาด้วยการ “ดื่มยาถ่าย” เหตุที่มีผดผื่นนั้นน่าจะเป็นเพราะท้องผูก ไม่ขับถ่าย ร่างกายจึงพยายามขับของ เสียออกทางผิวหนังจึงทำให้เกิดผดผื่นขึ้น ท่านพระปิลินทวัจฉะเท้าแตก พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงให้รักษาด้วยการใช้ “ยาทาเท้า” แต่โรคยังไม่หาย พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงให้ปรุงน้ำมันทาเท้า บ บทที่ 1 1 แ พ ท ย ศ า ส ต ร์ ในพระไตรปิฎก DOU 335
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More